มือใหม่จะซื้อ Capture Card ต้องสังเกตตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้ซื้อมาใช้งานอย่างถูกต้องและคุ้มค่า ซึ่งเรื่อง Live Streaming กลายเป็นทักษะ และสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งการทำงานส่วนบุคคล ภาคธุรกิจไปแล้ว ในวันนี้ผมจะมาอธิบายเรื่องการสังเกตว่า ถ้าหากคนที่เพิ่งเริ่มต้นต้องการจะซื้อ Capture Card สักตัวมาใช้งานนั้น เราต้องสังเกตในเรื่องอะไรบ้าง

มือใหม่จะซื้อ Capture Card ต้องสังเกตตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้ซื้อมาใช้งานอย่างถูกต้องและคุ้มค่า
1. มองเรื่องการใช้งานของเราก่อนจะได้รู้ว่าใช้ Capture Card แบบไหน
ในการทำงานของเราสิ่งแรกที่ควรสังเกตเลยคือ ความต้องการในการใช้งานของเราเองครับ เพราะว่า Capture Card แต่ละแบรนด์ก็มีการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานที่ต่างกันบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ต้องการต่อกับกล้องดิจิตอลอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อเอาภาพเข้าไปที่ Notebook, Laptop เพื่อส่งภาพขึ้นตอน Live อย่างเดียว

หรือว่าเราต้องการต่อกับเครื่อง Console เช่น PS4 หรือว่า Gaming PC เพื่อเอาภาพลื่น ๆ เฟรมเรตสูง ไว้ใช้ Live ให้ผู้ชมทางบ้านดู ก็จะใช้ Capture Card ที่เหมาะสำหรับสาย Gaming โดยเฉพาะ

หรือแม้แต่เราต้องการทำรายการ อยากจะได้ Capture Card ที่สามารถรองรับกล้องได้หลายตัวพร้อมกัน มีความสามารถในการตัดสลับไปที่กล้องแต่ละตัวได้อย่างอิสระ ซึ่ง Capture Card ที่ทำงานด้านนี้ ก็จะเป็นอีกแบบนึงนั่นเอง
2. สังเกตตรงความละเอียดสูงสุดที่ทำได้เท่าไหร่ ตอบโจทย์กับงานเราหรือเปล่า
ความสามารถของ Capture Card เราควรสังเกตดูเรื่องของ Quality หรือความละเอียดสูงสุดที่ Capture Card รุ่นนั้นรองรับได้ ส่วนใหญ่จะ Full HD และ 4K เป็นต้น อีกจุดนึงที่สำคัญคือเรื่องของเฟรมเรต หรืออัตราความลื่นไหลของเฟรมต่อวินาที ยิ่งเยอะจะยิ่งได้เฟรมภาพที่ลื่นไหล ซึ่งแนะนำว่า Capture Card ควรรองรับที่ความละเอียด Full HD และมีเฟรมเรตที่ 60 เฟรม ขึ้นไป

โดยส่วนใหญ่ถ้าต้องการ Capture Card ต่อเพื่อรับภาพจากกล้องไปที่ Laptop, PC เพื่อส่งภาพขึ้น Live แค่ 30 เฟรมก็เพียงพอ แต่ถ้าหากว่าต้องการต่อเครื่อง Gaming PC, Console อย่าง PlayStation 4 ควรมีเฟรมเรตที่ 60 ครับ เพราะตัวเกมส์ต้องการเฟรมเรตที่สูงในการแสดงผลให้ดูลื่นไหล
3. มีพอร์ตสำหรับต่อจอ Monitor แยกหรือเปล่า กรณีที่ต้องใช้งานจอแยกจะได้ไม่มีปัญหา
สำหรับคนที่ต้องการต่อ Monitor แยก เพื่อดูภาพที่แสดงผลจาก Capture Card พร้อมกัน

4. แบรนด์ที่เลือกใช้ ก็มีผลกับประสิทธิภาพการใช้งานนะ
ในตอนนี้ผมไม่ได้จะบอกว่าแบรนด์อะไรดีกว่าแบรนด์อะไร แต่จะอธิบายให้มองเห็นว่า ที่จริงแล้วการผลิต Capture Card ของแต่ละแบรนด์นั้นมองตลาดและความต้องการใช้ Capture Card ที่เฉพาะทางมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น Capture Card สำหรับสาย Gaming ที่เน้นการ Streaming ด้วย Framerate ที่สูง ต้องการความลื่นไหลของภาพที่เต็มประสิทธิภาพ แบรนด์ที่เน้นด้านนี้ก็จะมีอย่าง Avermedia, MOKESE และ Elgato ที่เน้นการ Live Stream ที่เฟรมเรตสูงอย่าง 60 เฟรมต่อวินาทีและออกแบบมาเพื่อตลาดเกมเมอร์เลย

แต่สำหรับงานเฉพาะอย่าง Home Studio, Production House ที่เน้นการ Live ด้วยและใช้ในการทำรายการ จะมี Blackmagic ATEM mini และ Black Magic ATEM mini Pro ที่เน้นกลุ่มนี้ ซึ่งจะเป็น Capture Card ที่ต่อกับกล้องพร้อมกันได้ถึง 4 ตัว พร้อมกับความสามารถในการจัดการเรื่องเสียง, การสลับสัญญาณกล้องหลาย ๆ ตัวพร้อมกัน และชุดซอฟต์แวร์ฟรีในการช่วยทำรายการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จะเห็นได้ว่า Capture Card แต่ละแบรนด์นั้นจะมีความสามารถที่ถูกสร้างและออกแบบมาให้ทำงานได้แตกต่างกัน เพราะงั้นการเลือก Capture Card ก็ควรสังเกตเรื่อวงของแบรนด์ด้วยครับ
5. ซอฟต์แวร์ที่รองรับ และซอฟต์แวร์แจกฟรีสำหรับ Capture Card
สุดท้ายคือเรื่องของ Software ที่รองรับ ซึ่งโดยปกติแล้ว Capture Card ในปัจจุบันจะสามารถทำงานได้เลยโดยที่เราไม่ต้องติดตั้ง Softare ใด ๆ แต่ทางผู้ผลิตแต่ละแบรนด์เองก็มักจะมี Software สำหรับตัว Capture Card ตัวเอง เพื่อขยายขีดความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีก

ยกตัวอย่าง Blackmagic ATEM mini, Blackmagic ATEM mini Pro จะมีชุด Software ที่ช่วยจัดการทั้งเรื่องเสียงและการสลับสัญญาณจากกล้องทั้ง 4 ตัว เพื่อช่วยให้คนทำรายการ สามารถควบคุมมุมกล้องได้อย่างอิสระมากกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์อะไรเพิ่มเลยเป็นต้น

ดังนั้นถ้าหากจะซื้อ Capture Card สักตัว เราก็ควรดูที่ Software ในการรองรับได้จากเว็บผู้ผลิต หรือเราจะสอบถามที่ lnwgadget ได้ก่อนตัดสินใจซื้อครับ
สนใจ Capture Card สำหรับการ live ปรึกษาได้ที่ lnwgadget ยินดีให้บริการก่อนเเละหลังการขาย
กฏ เคล็ดลับ เเละ เทคนิคการถ่ายภาพในรูปแบบต่าง ๆ
- 10 เทคนิคถ่ายภาพเบื้องต้นสำหรับมือใหม่
- RULE OF THIRD กฎสามส่วน และ จุดตัดเก้าช่อง
- กฎสามส่วน สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพ ตั้งแต่ต้นจนจบ
- 30 ไอเดียการจัดองค์ประกอบภาพที่จะทำให้ภาพถ่ายของคุณสวยขึ้น
- 20 วิธีจัดองค์ประกอบภาพ เพื่อให้ภาพถ่ายดูน่าสนใจที่สุด
- เทคนิคถ่ายภาพให้มีความสมดุล แค่เข้าใจมือใหม่แค่ไหนก็ทำได้
- เทคนิคการถ่ายภาพความเร็วสูง และวิธีการถ่ายภาพแบบ PANNING
- การประยุกต์ใช้ ELEMENT OF DESIGN จัดคอมโพสภาพถ่ายให้ดึงดูดน่าสนใจ
- ถ่ายภาพให้สวยด้วย การใช้ FOREGROUND และ LAYER ในภาพ