Mr. Kazuto Yamaki, CEO ของ SIGMA กับวิสัยทัศน์เกี่ยวกับไลน์การผลิตเลนส์ SIGMA ขนาดเล็กลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อรองรับตลาดกล้อง Mirrorless
วิสัยทัศน์เกี่ยวกับไลน์การผลิตเลนส์ SIGMA ขนาดเล็กลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อรองรับตลาดกล้อง Mirrorless
จากสภาวะการณ์ของโลกที่เปลี่ยนเเปลงอย่างรวดเร็ว มีการรับมือกับการระบาดของโรคโดยหลายประเทศประกาศปิดประเทศ เเต่ก็ไม่ได้กระทบกับไลน์การผลิตของ SIGMA เนื่องจากฐานการผลิตยังคงอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เเละมีเพียงบางชิ้นส่วนเท่านั้นที่ผลิตในประเทศจีน อาจจะมีปัญหาบ้าง หรือล่าช้าบ้าง เเต่ไม่ไ้ด้เป็นปัญหาที่เกินกำลัง ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศจีนเริ่มกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ
เเต่ประเทศหลายประเทศทั้งฝั่งยุโรปเเละอเมริกาปิดประเทศเพื่อป้องกันการระบาด ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก การซื้อขายเป็นไปเพื่อการบริโภค และผลิตภัณฑ์ด้านการดูเเลสุขอนามัย ส่วนกล้องเเละเลนส์ยังถือว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้จัดอยู่ในสินค้าที่ให้ความสำคัญนักในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องคงติดตามสถานการณ์ต่อไป ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นเเบบนี้ยาวนานหรือไม่ เเต่คงไม่ดีขึ้นในระยะสั้นนี้เเน่นอน
เมื่อมองกลับไป เราสถานการณ์คล้ายๆ กันเเบบนี้มาหลายครั้ง เช่น การเกิดเเผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นครั้งใหญ่ในปี 2011 เเละน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งสร้างความสับสนและมีผลกระทบกับระบบห่วงโซอุปทาน (supply chain) เเต่สำหรับ SIGMA เเล้ว เราคำนึงถึงความเสี่ยงเเละมีการวางระบบระบบห่วงโซอุปทานที่สั้น เพื่อง่ายต่อการจัดการ โดยจะมีซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่อยู่ในญี่ปุ่น เเละส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมาจากต่างประเทศ
ส่วนการผลิตเลนส์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดกล้อง mirrorless นั้นเมื่อมองจากภาพรวมจะเห็นว่า ตลาดกล้อง mirrorless ค่อนข้างจะมีสเถียรภาพเมื่อเทียบกับตลาดกล้อง DSLR ซึ่งชะลอตัวลงในทุกเดือน ซึ่งเลนส์ในกลุ่ม ‘DN’ (Digital Native) ของ SIGMA โดยเฉพาะ 24-70mm F2.8 DG DN Art มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เเละถึงเเม้จะปรับให้มีกำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดถึงเเม้จะอยู่ในสภาวะเเบบนี้ก็ตาม
ส่วนกล้อง SIGMA fp ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดี ผู้ซื้อยังคงให้การตอบรับดีเยี่ยม ถึงเเม้จะมีบ้างที่ยอดขายจะตกลงในยุโรปเเละอเมริกา เเต่ยังคงทำได้ดีในประเทศญี่ปุ่น เเต่โดยรวมเเล้วถือว่ายังมียอดขายน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งที่คาดว่าจะเป็นกล้องแห่งอนาคต ที่มีขนาดเล็ก เเต่เซ็นเซอร์ฟูลเฟรมก็ตาม นั่นอาจจะเป็นเพราะผู้ใช้จะต้องตัดสินใจที่จะเปลี่ยนระบบกล้อง เเละต้องเป็นกลุ่มที่ต้องใช้กล้องในการผลิตงานภาพยนต์จริงจัง
ในญี่ปุ่นมีงานอีเวนท์กล้องที่ให้ผู้ใช้ได้ลองสัมผัส เเละลองใช้สินค้า ซึ่งถือว่าดีมาก ที่จะชักจูงลูกค้าให้เห็นว่าสินค้าดีเเค่ไหน และตัดสินใจซื้อ เเต่ด้วยการระบาดของโคโรน่าไวรัส ทำให้งานเหล่านี้ถูกงดไปโดยปริยาย ทำให้สูญเสียโอกาสที่ผู้ใช้จะได้ลองผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ SIGMA เเต่ถ้าสถานการณ์นี้ผ่านไปเมื่อไหร่ งานอีเวนท์เเบบนี้จะถูกจัดขึ้นมาอีกเเน่นอน
ในระยะอันใกล้นี้ จะเห็นว่า SIGMA จะมีการผลิตเลนส์ตัวเล็กลง เบาขึ้น เช่น 45mm F2.8 ‘Contemporary’ สำหรับ L และ E-mount และรองรับการทำงานกับ SIGMA fp มากขึ้น ซึ่งก็จะมีทั้งแบบ L และ Sony E mount ด้วย เเต่สำหรับกล้อง Foveon sensor full-frame อาจจะต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องด้วยปัญหาทางเทคนิคบางประการ ซึ่งอาจจะต้องรอเปิดตัวในปีหน้า ซึ่งเเน่นอนว่า จะไม่หยุดพัฒนาเซ็นเซอร์ตัวนี้อย่างเเน่นอน
ส่วนความคาดหวังที่จะมีเลนส์สำหรับ Canon RF, Fujifilm XF และ Nikon Z-mount lenses จาก SIGMA นั้น ก็ต้องบอกว่า SIGMA ต้องการผลิตเลนส์เพื่อให้ใช้ได้สำหรับกล้องมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เเต่ด้วยข้อจำกัดด้านวิศวะกรรม และทางด้านการตลาดก็ต้องเลือกที่จะผลิตเลนส์เฉพาะบางกลุ่มก่อน เเละสำหรับกล้อง Micro Four Thirds ก็ยังเป็นที่ต้องการในกลุ่มของผู้สร้างภาพยนต์ เลนส์เเบบคลาสสิคและเลนส์ 16mm ของ SIGMA ก็เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มของผู้ใช้กล้องเเบบ M43 และในกลุ่มผู้สร้างภาพยนต์ด้วยเช่นกัน
จากบทสัมภาษณ์โดย Barnaby Britton เว็บไซต์ https://www.dpreview.com/