Site icon เว็บสอนถ่ายภาพ สอนถ่ายวิดีโอ และผลิตคอนเทนต์ ที่เข้าใจมือใหม่มากที่สุด

10 ประเด็นที่ควรรู้เกี่ยวกับกล้อง DJI OSMO ACTION รุ่นนี้ดียังไง คุ้มไหมที่จะซื้อ

10 ประเด็นที่ควรรู้เกี่ยวกับกล้อง DJI OSMO ACTION รุ่นนี้ดียังไง คุ้มไหมที่จะซื้อ ตั้งแต่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกล้องของ DJI OSMO ACTION กล้องแอคชั่นจากแบรนด์ใหญ่ที่ทำทั้งโดรนและอุปกรณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ซึ่งลงมาเล่นตลาด Action Camera ก็เลยทำให้หลายคนตื่นตัวกับกระแสนี้มากพอมควร ในวันนี้เราจะนำรายละเอียดของความสามารถกล้องตัวนี้มาให้ดูกัน 10 ประเด็นที่น่าสนใจว่ากล้องตัวนี้มีอะไรโดดเด่นบ้าง

10 ประเด็นที่ควรรู้เกี่ยวกับกล้อง DJI OSMO ACTION รุ่นนี้ดียังไง คุ้มไหมที่จะซื้อ

1. ขนาดเซ็นเซอร์กล้อง DJI OSMO Action นั้นเท่ากับกล้อง GoPro Hero 7 Black ถ่ายวีดีโอ 4K ได้ 60p พร้อมทั้งความสามารถที่เหนือกว่าคือถ่าย 4K HDR เป็นวีดีโอแบบ High Dynamic Range ซึ่ง GoPro ยังไม่มีความสามารถนี้

ตอนที่ DJI ได้มีข่าวเรื่องสินค้านี้ออกกมาก็สงสัยอยู่บ้างเรื่องของความสามารถว่าจะเอาชนะเจ้าตลาดได้หรือเปล่า แต่เมื่อเห็นสเปคแล้วก็ต้องยอมรับว่า DJI เขาต้องการตีตลาดด้านนี้จริง ๆ ในด้านของเซ็นเซอร์จะมีขนาดเท่ากับ GoPro Hero 7 ก็คือ 1/2.3 CMOS Sensor ซึ่งถ้ามองทางด้านกายภาพแล้ว ความสามารถจะเท่า ๆ กับ GoPro Hero 7 เลยล่ะ

แต่สิ่งที่ดูเหมือน DJI OSMO Action จะใส่มาเยอะกว่าเพื่อเรียกกระแสตลาดนั้นเป็นเรื่องของ Video HDR ที่ให้ความละเอียดแบบ 4K ที่ 30fps ซึ่งเป็นความสามารถที่เหมาะกับคนถ่ายวีดีโอจริง ๆ เมื่อวีดีโอสามารถที่จะให้ Dynamic Range ที่มากขึ้น เวลาที่เอาวีดีโอไปทำการ Grading สี หรือเรียกบอกเล่ารายละเอียดต่าง ๆ ของการท่องเที่ยว จะทำให้มีดีเทล์ในเนื้อไฟล์วีดีโอมากขึ้น ตรงนี้เรียกว่าเป็นจุดเด่นที่เรียกกระแสเหนือ GoPro พอสมควร

2. ถ่ายวีดีโอความละเอียด 4K ที่  60fps และความสามารถในการถ่ายวีดีโอแบบ Slow Motion ที่ 8 เท่า ทำให้ได้ footage ที่สวยงามง่ายมากขึ้น

สิ่งต่อมาก็คือตรงนี้ยังเป็นความสามารถที่เทียบเท่า GoPro Hero 7 Black ก็คือการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดแบบ 4K และความสามารถในการถ่าย Slow Motion ที่ 8 เท่า ทำให้เวลาที่เราต้องการ Footage หลาย ๆ แบบนั้น OSMO Action สามารถที่จะยกระดับตัวเองชนกับเจ้าตลาดอย่าง GoPro ได้

คำถามก็คือความสามารถนี้จำเป็นไหม ถ้ามองในมุมของคนที่เน้นความละเอียดสูงการที่มี 4K 60fps สามารถที่จะได้วีดีโอแบบ 4K ไปดึง Slow Motion ก็ได้ เพราะด้วยเฟรมเรตที่ 60p นั้นดึงได้ประมาณนึงเหมือนกันนะ หรือว่าจะถ่ายที่ Slow Motion หนัก ๆ ก็ช้าลงได้มากถึง 8 เท่า อันนี้คือจุดเด่นที่ได้ใช้กันประจำในการถ่าย Footage สวย ๆ ครับ

3. DJI OSMO Action วางเกมส์มีตีตลาดด้านสายวีดีโอ ออกแบบบอดี้ให้สามารถใช้ ND Filter ได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญกับการถ่ายวีดีโออย่างมาก (ND Filter ทำให้ได้ Shutter Speed ที่เหมาะสมกับการถ่ายวีดีโอ ซึ่งจำเป็นมาก)

จุดเด่นอีกด้านนึงที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือเรื่องการออกแบบให้บอดี้สามารถใช้ ND Filter ได้ง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่ได้ถ่ายวีดีโอจริงจังอาจจะยังไม่เคยใช้ ND Filter จะทำหน้าที่ลดปริมาณแสงลงครับ ทำให้กล้องนั้นเลือกใช้ Shutter Speed ที่เหมาะสมกับการถ่ายวีดีโอได้ เช่น ถ้ากล้องปกติเลือกความละเอียด 24p ความเร็วชัตเตอร์จะต้องเป็นสองเท่าของเฟรมเรตคือ 1/50 ซึ่งการใช้เซ็ตติ้งนี้นอนแดดแรงจะทำได้ยากมาก เพราะว่าแสงจะล้นครับ

ดังนั้นกล้องเหล่านี้ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูง ทำให้เฟรมภาพไม่นุ่มนวล จะเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบแข็ง ๆ หน่อย แต่พอมี ND Filter ก็จะทำให้คนถ่ายวีดีโอจริงจังได้ไฟล์วีดีโอที่มีคุณภาพตามต้องการมากขึ้น

4. ระบบกันสั่นออกแบบให้มีความสามารถที่ตอบโจทย์ได้เหมือน Action Camera เจ้าตลาดอย่าง GoPro Hero 7 Black

ต่อมาอีกเรื่องนึงคือระบบกันสั่น ซึ่งเป็นระบบกันสั่นที่ทำงานได้เหมือนกับ GoPro Hero 7 Black เลย ทำให้ตัวเลือกอย่าง OSMO Action ก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ ทีนี้คนใช้ก็มีตัวเลือกมากขึ้นว่าจะชอบกล้องแอคชั่นตัวไหนแล้วล่ะ สำหรับการถ่าย Video Vlog และการท่องเที่ยว

5. แบตเตอรี่ออกแบบมาให้ใช้งานได้นานกว่า GoPro Hero 7 Black

ตาม Spec Sheet นั้นทาง DJI ได้ออกมาแจงรายละเอียดว่ากล้อง OSMO Action จะสามารถใช้แบตเตอรี่ได้นานกว่า GoPro ประมาณ 15-20 นาที เมื่อถ่ายวีดีโอบนความละเอียดเท่ากัน ทำให้มีคีย์หลักที่ใช้ในการตีตลาดครับ แปลว่าแบตอึดกว่า ออกมาสเปคกล้องก็ค่อนข้างจะเด่นกว่าหน่อย ๆ ด้วย

6. มีฟีเจอร์เด่นอย่าง Timewarp และ Timelapse มาให้ด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้ชนกับความสามารถของ GoPro Hero 7 Black ซึ่งเป็นตัวหลักเลย

อีกฟีเจอร์นึงท่ี GoPro Hero 7 Black ได้สงวนไว้สำหรับรุ่นสูงสุดคือ Timewarp ซึ่งยังแทบไม่เห็นกล้องแอคชั่นตัวไหนในตลาดทำได้แบบนี้ แต่ DJI ก็เล่นออกมามีความสามารถที่เหมือนกันชนกัน ทำให้ตลาดบนที่เล่นกล้อง Action Camera มีตัวเลือกเพิ่มอีกแล้วนั่นเอง

ความสามารถ Timewarp  à¸«à¸£à¸·à¸­ Timelapse นั้นเอาจริง ๆ ก็เหมือนกับการถ่าย Hyperlapse ครับ คือ การถ่าย Timelapse แบบเดินไปมาได้ ซึ่งการถ่าย Hyperlapse นั้นต้องเก่งมากนะ กว่าจะได้ Footage สัก 15-20 วินาทีก็ต้องถ่ายกันเป็นชั่วโมงเลย แล้วต้องวางแผนเป็นอย่างดีด้วย แต่ด้วยความสามารถนี้อยู่ในกล้อง Action Camera อย่าง DJI OSMO Action หรือ GoPro Hero 7 Black ก็สามารถถ่ายได้ง่ายครับ

7. การถ่ายภาพนิ่งรองรับการถ่ายภาพแบบ RAW File สำหรับนำภาพไปทำต่อ

สำหรับคนที่ถ่ายวีดีโอรีวิวท่องเที่ยวนั้นสามารถที่จะเอาไฟล์วีดีโอไปถ่ายแล้วทำต่อได้สบาย ๆ สำหรับ DJI OSMO Action เพราะสามารถที่จะถ่าย RAW File ได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นของการถ่ายรูปเลยครับ ในการเอาไฟล์  RAW มาทำสี แล้วก็แต่งรายละเอียดต่าง ๆ ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้

8. โอนข้อมูลเข้ากับมือถือ ถ่ายเเล้ว เเชร์เลย เหมาะกับตลาดในบ้านเรา

สำหรับตลาดในบ้านเราก็ต้องยิ้มกันมากขึ้นเพราะว่า DJI OSMO Action นั้นสามารถที่จะโอนข้อมูล ภาพ เเละวีดีโอเข้ามือถือได้เลย ทำให้กล้องตัวนี้สร้างสีสันให้กับผู้ใช้ในกลุ่มบ้านเราที่นิยม social media กัน

9. หน้าจอที่ให้มามีความละเอียดสูงกว่า GoPro Hero 7 Black และเป็นหน้าจอแสดงผลแบบสี

หน้าจอแสดงผลของ DJI OSMO Action นั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่า GoPro Hero 7 Black ครับ เพราะตัว GoPro จะอยู่ที่ 0.92 นิ้ว แล้วเป็นแค่จอขาวดำ แต่ OSMO Action ให้จอใหญ่ถึง 1.4 นิ้ว แถมเป็นจอแบบสีด้วย เรียกได้ว่ากะเอามาเทียบกับลูกพี่ใหญ่อย่าง GoPro เน้น ๆ

10. เปิดราคามาเข้าถึงง่ายกว่า เพื่อตีตลาด Action Camera

สุดท้ายคือเรื่องราคา DJI OSMO Action เปิดราคามาถูกกว่า GoPro Hero 7 Black อยู่ 2,000 บาท ตัว GoPro Hero 7 Black เปิดที่ 14,500 บาท ส่วน DJI OSMO Action เปิดที่ 12,500 บาท เรียกได้ว่าเปิดมากะชนกระแสหลักเลยทีเดียว

รวมบทความพื้นฐานการถ่ายภาพเบื้องต้นสำหรับมือใหม่

Exit mobile version