15 วิธีฝึกถ่ายภาพให้สวยขึ้นสำหรับมือใหม่ พื้นฐานง่าย ๆ ที่คนเริ่มต้นสามารถทำได้
15 วิธีฝึกถ่ายภาพให้สวยขึ้นสำหรับมือใหม่ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มถ่ายภาพหรือเริ่มต้นความสนใจด้านนี้และอยากพัฒนาความสามารถและทักษะของตัวเองให้มากขึ้น ลองดูตามกันได้เลยครับ ซึ่ง 15 วิธีฝึกให้ถ่ายภาพสวยขึ้นสำหรับมือใหม่โดยจะเป็นวิธีการที่ทำให้มือใหม่ได้ฝึกฝนการคิดและเทคนิคการถ่ายภาพเพื่อให้ถ่ายภาพได้สวยขึ้นและเพิ่มทักษะการใช้งานกล้องให้มากขึ้นด้วยครับ
15 วิธีฝึกถ่ายภาพให้สว15 วิธีฝึกถ่ายภาพให้สวยขึ้นสำหรับมือใหม่ พื้นฐานง่าย ๆ ที่คนเริ่มต้นสามารถทำได้ยขึ้นสำหรับมือใหม่
1. ฝึกฝนการควบคุมการโฟกัสภาพ เพื่อให้ได้ภาพคมชัด
จริง ๆ แล้วภาพสวยไม่จำเป็นต้องโฟกัสเฉพาะแค่กลางภาพเท่านั้น อาจจะเป็นจุดที่อยู่ด้านขวา หรือซ้ายบ้างแล้วแต่การจัดวางองค์ประกอบภาพของเราเอง ให้เราฝึกที่จะควบคุมการโฟกัสของกล้อง ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็จะมีการแสดงผลระบบโฟกัสที่คล้าย ๆ กัน ให้เราฝึกถ่ายภาพโดยโฟกัสที่จุดต่าง ๆ เพื่อให้เราชำนาญพื้นฐานเรื่องนี้มากขึ้น และควรเข้าใจการควบคุมระบบโฟกัสได้ตรงตามความต้องการได้มากขึ้นครับ
2. ฝึกโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวจับจังหวะการถ่ายเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม คมชัด
การที่เราถ่ายภาพวัตถุที่อยู่นิ่งได้ยอย่างคมชัดก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วแหละครับ แต่ว่าสิ่งที่อยากให้ฝึกเพิ่มมากขึ้นก็คือการโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น เพราะบางครั้งเราก็ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ และการฝึกโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว จะทำให้เราเรียนรู้และทำความเข้าใจระบบโฟกัสของกล้องเรามากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
3. ฝึกทำความเข้าใจและเรียนรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้ภาพของเราเบลอไม่คมชัด
ก่อนอื่นเราต้องมาดูปัจจัยกันก่อนครับว่า ทำยังไงให้ภาพของเราคมชัด และอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาพเบลอ ภาพไม่คมชัด เพื่อที่จะได้เข้าใจมุมมองทั้งสองแบบ และมีวิธีปรับปรุงการถ่ายภาพของเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีประเด็นง่าย ๆ สองหัวข้อตามนี้เลย
ภาพเบลอเพราะเกิดจากการโฟกัสที่ไม่ถูกต้อง : เราอาจจะเคยเห็นว่าจุดที่เราต้องการจะให้ชัดดันเบลอ แต่จุดที่อยากจะให้เบลอกลับชัดขึ้นมา อันนี้เป็นที่การโฟกัสของเราแล้วล่ะ นอกจากนี้ถ้าภาพเบลอทั้งภาพเลย อันนี้ก็เพราะการโฟกัสภาพของเราไม่ถูกต้องจนทำให้ภาพเบลอเหมือนกันนั่นแหละ
ภาพเบลอเพราะเกิดจากการเคลื่อนไหวของวัตถุ : เมื่อวัตถุเกิดการเคลื่อนไหวและความเร็วชัตเตอร์ไม่พอ แม้ว่าการโฟกัสของเราจะถูกต้องเป๊ะ ๆ แต่ก็เกิดการเบลอได้เหมือนกัน ดังนั้นเราควรจะฝึกเรื่องความเร็วชัตเตอร์ในการควบคุมวัตถุที่ถ่ายให้เกิดความคมชัดด้วย
4. ฝึกเลือก WHITE BALANCE ให้ถูกต้องกับการถ่ายภาพ และฝึกการแก้ภาพถ่ายที่สีผิดเพี้ยนให้ถูกต้องได้ด้วยการใช้ WHITE BALANCE
การเลือก White Balance ให้เหมาะสมกับภาพถ่ายนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่แม้ว่าปัจจุบันเราถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW ที่สามารถมาเลือก White Balance เองใน Lightroom ได้ก็ตาม หรือแม้แต่การใช้ Auto White Balance ให้กับกล้องเพื่อกล้องหา White Balance ให้กับเราเอง
แต่การที่เราเข้าใจเรื่องการตั้งค่า White Balance ได้อย่างถูกต้องนั้นทำให้หลาย ๆ สถานการณ์เราสามารถถ่ายภาพได้สีที่ไม่ผิดเพี้ยน (เพี้ยนน้อยที่สุด ถูกต้องมากที่สุด) เพราะบางครั้งเราต้องคิดเสมอว่ากล้องอาจจะไม่ได้เลือก White Balance ให้เราได้อย่างถูกต้องเสมอไป
5. ฝึกการใช้ CUSTOM WHITE BALANCE
คือบางครั้งการเลือกโหมดสีของ White Balance อาจจะไม่ตรงตามใจ ถ้าต้องการควบคุมการถ่ายภาพแบบเป๊ะ ๆ ในการใช้ Custom White Balance ให้เราเลือกแบบ Kelvin(K) แทน จะทำให้เราปรับค่า White Balance ได้ตรงตามความต้องการมากขึ้น
6. ฝึกใช้การชดเชยแสงในการถ่ายภาพเพื่อให้เก็บรายละเอียดภาพได้มากขึ้น
ถ้าหากว่าเราลองตั้งค่ากล้องได้พอดีแล้วถ่ายภาพออกมายังรู้สึกว่าภาพยังสว่างไปหรือมืดไป เราอาจจะเลือกปรับเพิ่มหรือลดการชดเชยแสงเพื่อให้แสงที่พอดีเหมาะสมกับภาพได้เหมือนกัน โดยการเลือกปรับชดเชยแสงนั้นเป็นอะไรที่ง่าย และรวดเร็วมากสำหรับการเลือกค่าแสงให้ถูกต้องครับ
7. ฝึกทำความเข้าใจกับ HISTOGRAM เพื่อให้เข้าใจคุณภาพแสงในภาพ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบภาพที่เราถ่ายออกมาได้จากหลังกล้องเลยก็คือ Histogram เพราะเขาจะเป็นกราฟที่คอยบอกภาพรวมของสิ่งที่เราถ่ายมาได้ว่าเป็นยังไง ส่วนมืดเยอะไปไหม หรือส่วนสว่างในภาพเป็นยังไงบ้าง
นี่ยกตัวอย่างที่แสดงถึงแสงในภาพถ่าย ถ้าหากว่าเราเข้าใจ Histogram แล้ว เวลาที่เราดูข้อมูลภาพเราจะรู้ได้เลยว่าควรตั้งค่ากล้องเพื่อถ่ายภาพใหม่ยังไงให้ได้ข้อมูลตามที่ต้องการครับ
8. ฝึกการถ่ายภาพที่มีความเปรียบต่างของส่วนสว่างและส่วนมืดสูง (CONTRAST) เพื่อให้เรียนรู้ลักษณะของภาพถ่ายที่ควบคุมยากมากขึ้น
บางครั้งธรรมชาติก็ดูเหมือนแจะแอบกล้องเราเหมือนกัน ถ้าเราถ่ายภาพในบางช่วงเวลาจะเจอสิ่งที่เรียกว่า Contrast หรือความเปรียบต่างระหว่างส่วนมืดและส่วนสว่างสูงมาก จนทำให้กล้องเก็บรายละเอียดได้ไม่หมด เช่น เราวัดแสงพอในส่วนมืด ส่วนสว่างข้อมูลส่วนมืดก็หลุด หรือวัดแสงพอดีในส่วนมืด ส่วนสว่างก็หลุดออกไป
เพราะงั้นเราจะควบคุมตรงนี้ได้ดีมากขึ้นถ้าหากว่าเราอ่าน Histogram เป็น และฝึกตั้งค่าการรับแสงของกล้องให้เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์แบบนี้ครับ และการที่เราเข้าใจการถ่ายภาพที่มี Contrast สูงทำให้เราถ่ายภาพเวลาเดินทางท่องเที่ยวได้ดีมากขึ้นอีกด้วยนะ เพราะเราสามารถจัดการกับสถานการณ์ใหม่ ๆ ตรงหน้าเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
9. ฝึกใช้ ND FILTER, PL FILTER หรือจะให้ดีฝึกใช้ LANDSCAPE FILTER ทั้งหมดเลยก็ได้
Filter ที่นอกเหนือจาก Protector Filter ที่ใช้ปกป้องหน้าเลนส์ของเรานั้น ก็จะมี ND Filter สำหรับลดแสงลง ให้เราใช้ความเร็วชัตเตอร์ได้นานขึ้น, หรือ PL Filter ที่ทำหน้าที่ตัดแสงสะท้อนในภาพ เพื่อให้ภาพถ่ายของเรามีรายละเอียดในส่วนที่แสงสะท้อนทำให้ภาพมีรายละเอียดที่หลุดออกไป
สังเกตได้ว่าฟิลเตอร์พวกนี้จะทำงานกับแสงโดยตรงทั้งหมด เพื่อให้ได้แสงตามต้องการ ส่งผลให้เราสามารถตั้งค่ากล้องที่อยากจะได้ และทำให้เอฟเฟคของภาพตรงตามอย่างที่เราหวังเอาไว้ครับ ถ้าหากว่ามีโอกาสได้ใช้ ND Filter หรือ Landscape Filter รับรองว่าต้องติดใจแน่ ๆ เลยแหละ
10. ฝึกถ่ายภาพ HIGH DYNAMIC RANGE (HDR) บ้าง เป็นการถ่ายภาพในค่าแสงที่ต่างกันแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวใน ADOBE LIGHTROOM ทำให้รายละเอียดในภาพดียิ่งขึ้น
การถ่ายภาพ HDR หรือ High Dynamic Range เป็นการถ่ายภาพที่นิยมมากสำหรับคนถ่าย Landscape คือการถ่ายภาพในค่าแสงที่ต่างกันจากมืดไปสว่าง (ถ่ายคร่อมแสงหลาย ๆ ส่วน) แล้วนำมารวมในภาพเดียวจะทำให้เราได้ภาพถ่ายที่มีรายละเอียดสูงขึ้น และการถ่ายภาพ HDR นี้ ส่วนใหญ่ง่าย ๆ เลยเราเอาภาพมารวมใน Adobe Lightroom ทำให้เราฝึกถ่ายภาพและแต่งภาพได้เก่งขึ้นในโจทย์ของภาพเพียงเรื่องเดียวด้วยนะ
11. การฝึกถ่ายภาพเพื่อควบคุมรายละเอียด และการถ่ายภาพเป็น RAW FILE เพื่อนำมาแก้ไขต่อ
เมื่อเราได้รู้จักกับเรื่องของ Histogram ไปแล้ว ทีนี้เราก็ควรฝึกถ่ายภาพเพื่อควบคุมรายละเอียดในภาพไม่ให้ข้อมูลต่าง ๆ หลุดรายละเอียดออกไป นอกจากนี้การที่เราถ่ายภาพเป็น RAW File ก็จะทำให้เราสามารถปรับแก้ไขภาพ หรือดึงรายละเอียดของภาพที่อาจจะมีข้อมูลหลุดออกไปในส่วนมืดหรือส่วนสว่าง เราก็สามารถเอาไฟล์ RAW นี่แหละมาปรับแก้ไขอีกทีใน Adobe Lightroom ได้
12. การฝึกจัดวางองค์ประกอบภาพเพื่อให้ภาพถ่ายดูน่าสนใจที่สุด
นอกเหนือจากการเลือกสิ่งที่ควรถ่ายภาพและการตั้งค่าที่ดีที่สุดในการใช้การเรียนรู้พื้นฐานขององค์ประกอบเป็นวิธีหนึ่งในการปรับปรุงทักษะการถ่ายภาพของเราเอง ซึ่งมีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่ององค์ประกอบภาพมากมายเลยแหละที่ทำให้เราถ่ายภาพได้สวยขึ้นง่าย ๆ เลย
13. ฝึกการใช้เส้นนำสายตาเพื่อดึงความสนใจเข้าไปที่ภาพ
การฝึกใช้เส้นนำสายตาจะช่วยให้เราจัดองค์ประกอบภาพได้ชำนาญขึ้นได้ครับ โดยการมองหาเส้นสายที่อยู่ในภาพ อาจจะเป็นเส้นตรง เส้นโค้ง หรือเส้นประ ที่เกิดจากธรรมชาติหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างก็ได้ครับ
ลองใช้เส้นเหล่านั้นพาดลงมาที่ภาพของเรา ซึ่งเราจะเห็นว่าเส้นที่นำเข้ามานั้นจะดึงสาตาของเราไปตามทิศทางของเส้นนั้นโดยอัตโนมัติ คือตาของเราจะมองตาเส้นไปนั่นเองครับ
14. ฝึกการเติมมิติให้กับภาพด้วยการใช้ระยะลึกตื้น
ลองฝึกการวางภาพจะช่วยสร้างมิติให้กับภาพได้ครับ ส่วนมากการจัดให้จุดสนใจไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือทิวทัศน์จะเป็นจุดที่ชัดที่สุดของภาพ การถ่ายภาพโดยให้พื้นหลังเบลอไป จะเป็นการสร้างความโดดเด่นให้กับตัวแบบ เพราะสายตาของเราจะจ้องในส่วนที่ชัดนั่นเองครับ ส่วนการใช้ฉากหน้าเช่นการบังพื้นที่ภาพบางส่วนด้วยฉากหน้าเบลอ ๆ ก็จะเป็นการสร้างมิติและความน่าสนใจให้ภาพได้อย่างดีเลยครับ
15. ฝึกการสร้างกรอบภาพเพื่อกำหนดจุดสนใจ
การสร้างภาพให้น่าสนใจหรือการกำหนดจุดสนใจของภาพสามารถจัดวางองค์ประกอบภาพได้หลายแบบ ซึ่งวิธีการหนึ่งที่ให้ผู้มองภาพรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่า จุดไหนคือจุดสนใจของภาพ จุดที่เราจะโฟกัส นั่นก็คือการวางกรอบให้ภาพนั่นเองครับ ซึ่งการฝึกวางกรอบให้ภาพไม่ยากครับ เพียงหาสิ่งรอบตัวเช่น พุ่มไม้ ขอบประตู ขอบโค้ง ขอบกลม หรือเหลี่ยม แล้วถ่ายภาพผ่านกรอบเหล่านั่น ก็ทำให้ภาพดูมีกรอบภาพขึ้นมานั่นเองครับ
รวมบทความท่องเที่ยวและถ่ายภาพที่น่าสนใจ
- 15 ยอดดอยน่าเที่ยวถ่ายรูปชิล ๆ ช่วงหน้าหนาว
- 12 สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เหมาะสำหรับคนชอบไปท่องเที่ยวถ่ายภาพต้องไปให้ได้
- 10 สิ่งที่ทำให้คุณจะหลงรักเชียงใหม่ จนต้องมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
- 8 สถานที่แห่งทุ่งลาเวนเดอร์ที่คุณต้องไปให้ได้
- 8 สถานที่เที่ยวฮ่องกง ดินแดนแห่งสีสัน ที่ไม่เคยหลับใหล