ไมโครโฟน 32 บิตดียังไงสำหรับงาน Content Creator ช่วยให้การถ่ายวิดีโอและบันทึกเสียงดีขึ้นแค่ไหน และทำงานง่ายขึ้นตรงไหนได้บ้าง ไมโครโฟนไร้สาย ณ ตอนนี้ก็มีหลายรุ่นที่ถูกพัฒนาจากการบันทึกเสียงแค่ 16 บิตโดยส่วนใหญ่ กลายมาเป็นไมโครโฟนแบบ 32 บิต ซึ่งทำให้ความสามารถของการบันทึกเสียงดีกว่าเดิม ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น และปรับแต่งเสียงได้ดีขึ้น
ในวันนี้เองเราก็จะมาพูดคุยกันในเรื่องของไมโครโฟนแบบ 32 บิตนั้นโดดเด่นสำหรับงาน Content Creator มากขึ้นในส่วนไหนบ้าง และเหตุผลอะไรที่เราอยากให้คุณขยับมาใช้ไมโครโฟนกลุ่มนี้
ไมโครโฟน 32 บิตดียังไงสำหรับงาน Content Creator ช่วยให้การถ่ายวิดีโอและบันทึกเสียงดีขึ้นแค่ไหน และทำงานง่ายขึ้นตรงไหนได้บ้าง
1. ช่วยให้บันทึกเสียงได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดเสียงแตก
ไมโครโฟนแบบ 32 บิต มีความสามารถคือความกว้างของข้อมูลเสียงมีมากขึ้น ทำให้สามารถที่จะบันทึกเสียงได้คุณภาพของเนื้อไฟล์ที่ดีขึ้น ทำให้เวลาที่ถ่ายวิดีโอมาลดโอกาสที่เสียงจะเกิดความเสียหาย เช่น เสียงแตกพร่า หรือโอกาสที่เสียงจากเสียหาซึ่งเกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาด
แต่ ณ เวลานี้ ไมโครโฟนที่มีความสามารถ 32 บิต จะช่วยให้เราได้เนื้อไฟล์ที่ดีและสามารถนำมาปรับแต่งหรือแก้เสียงที่เกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
2. ปรับแต่งเสียงได้ละเอียดมากกว่าเดิม ได้เนื้อไฟล์ที่ดีขึ้น
การปรับแต่งเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมคือจุดเด่นที่ได้จากไมโครโฟนแบบ 32 บิต เนื่องจากเนื้อไฟล์ที่มีความกว้างของช่วงเสียงมากขึ้น ทำให้เวลาเราได้ไฟล์เสียงมาแล้วเอามาปรับโทนเสียง ให้ความนุ่มที่มากขึ้น หรือแก้ไขส่วนใดของเสียงที่เราไม่ชอบ เช่น เสียงแหลม เราก็สามารถทำได้ดีมากขึ้น
ซึ่งส่วนนี้เองก็เป็นประโยชน์ที่ทำให้เราได้คุณภาพของเนื้อไฟล์ และเนื้อเสียงที่ดีขึ้นมากกว่าไมค์รุ่นก่อน ๆ นั่นเอง
3. บันทึกเสียงได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะไมโครโฟนที่มี GainAssists
อีกจุดเด่นนึงที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือการใช้งานไมโครโฟนไร้สาย 32 บิต ร่วมกับความสามารถของ GianAssist คือการใช้ AI ในการช่วยปรับแต่งเสียงระหว่างการบันทึกที่หน้างานจริง ทำให้ได้เสียงที่คุณภาพสูง เสียงไม่แตก เนื้อเสียงดี จะมีความแตกต่างจากไมโครโฟนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง และใช้งานได้ง่าย
สำหรับใครที่ต้องการคำปรึกษาเรื่องการเลือกไมโครโฟนสามารถสอบถามได้ที่ lnwgadget พร้อมให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย