เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Aputure 20D และ Aputure 20C ไฟสตูดิโอที่ให้ความสว่างได้อย่างดีเยี่ยม และให้แสงที่มีความคมชัด และไม่ผิดเพี้ยนซึ่งทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันบ้างแต่ก็ไม่มากนัก โดยเป็นเรื่องของรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งค่าอุณหภูมิเเสง อุปกรณ์เสริมอย่างเจลสีเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ และการปรับให้เเสงสว่างเจาะจงลงในบางจุดได้ หรือจะกระจายให้กว้างที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย รวมไปถึงราคาที่แตกต่างกันไม่มาก แต่ให้ความสว่างและความชัดเจนที่ดีเยี่ยมทั้ง 2 รุ่น
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Aputure 20D และ Aputure 20C ประสิทธิภาพ ความแตกต่างที่ควรรู้
ค่าความสว่างที่แตกต่างกันแต่ให้ความคมชัดได้อย่างเหมาะสม
สำหรับ Aputure LS mini 20C ไฟสตูดิโอที่สามารถปรับอุณหภูมิของแสงให้เป็นแบบสีส้มโทนอุ่นไปจนถึงแสงสีขาวแบบ Daylight ได้ตั้งแต่ 3200K-6500K ที่ให้แสงสว่างสูงสุด 16,000 ลักซ์ (LUX) ที่ระยะ 0.5 เมตรห่างจากตัวแบบ ในขณะที่ Aputure LS mini 20D มาพร้อมกับไฟสีขาว Daylight ที่สามารถปรับอุณหภูมิของแสงอยู่ที่ 7500 K ที่ให้แสงสว่างสูงสุดที่ 40,000 ลักซ์ (LUX) ที่ระยะ 0.5 เมตรห่างจากตัวเเบบ
ค่า K ที่แตกต่างทั้งแบบที่มากับตัวเครื่อง และต้องใช้อุปกรณ์เสริม
Aputure LS mini 20C เป็นไฟสตูดิโอที่สามารถปรับอุณหภูมิสีได้ ตั้งเเต่เเสงสีส้ม ถึงเเสงสีขาวได้เลย ซึ่งแตกต่างจาก Aputure LS mini 20D มีแค่ตัวปรับระดับเพิ่มลดความเข้มแสงเท่านั้น ไม่สามารถปรับสีได้ ทำให้ไฟสตูดิโอรุ่นนี้จึงมีอุปกรณ์เสริมมาให้ได้แก่แผ่นเจลสีส้มเพื่อเปลี่ยนค่า K โดยจะมีเจล 3200K กับ 5500K ซึ่งหากต้องการปรับแสงให้มีสีส้มก็นำเจลไปเสียบที่ช่องบริเวณคอของอุปกรณ์ หรือหากต้องการให้มีสีสันมากกว่านี้ก็สามารถใช้เจลสีอื่นๆ มาเพิ่มได้แล้วแต่ความต้องการเพื่อให้การถ่ายวีดิโอมีความแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น
องศาของลำแสงเพื่อให้ส่องเจาะจงเป็นจุด และส่องแสงกระจายเป็นมุมกว้าง
ไฟสตูดิโอทั้งสองรุ่นนี้สามารถปรับองศาของลำแสงเพื่อให้ส่องเจาะจงเป็นจุด และส่องแสงกระจายเป็นมุมกว้างได้ Aputure LS mini 20C และ Aputure LS mini 20D สามารถส่องเจาะจงเป็นจุดและกระจายมุมกว้างได้ตั้งแต่ 20-80 องศา ทำให้ช่วยในการกระจายแสงมุมกว้างได้มากกว่าทำให้แสงที่ออกมาจะเพิ่มความชัดเจนได้ไกลกว่า และสร้างความแตกต่างให้กับงาน
ราคาแตกต่างกันเพียงพันกว่าบาทแต่ออปชั่นไม่ต่างกัน
สำหรับไฟสตูดิโอ Aputure LS mini 20C มีราคาแพงกว่า Aputure LS mini 20D พันกว่าบาทเท่านั้น แต่สำหรับ LS mini 20C เป็นอุปกรณ์ที่มีตัวปรับเปลี่ยนสีในตัวได้ ในขณะที่ LS mini 20D ให้เเสงเพียงสีเดียวคือเเสงขาว Daylight ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์เสริม คือเจลสีส้มเพื่อเปลี่ยนค่า K เพราะฉะนั้น LS mini 20D จะมีราคาที่ถูกกว่า และยังสามารถปรับแต่งแสงด้วยสีอื่นๆ ก็ได้ด้วยการหาเจลสีต่างๆ ตามที่ต้องการ และให้เหมาะกับการถ่ายวีดิโอรวมทั้งสถานที่ที่ใช้ในการทำงาน ทั้งนี้ไฟสตูดิโอทั้ง 2 รุ่นให้แสงที่เป็นธรรมชาติ และไม่ผิดเพี้ยนเช่นเดียวกัน
ความสะดวกในการทำงานและความคล่องตัว
ไฟสตูดิโอทั้ง 2 รุ่นมีการออกแบบ Chip On Board ของซีรี่ส์ Light Storm มีคุณสมบัติ TLCI & CRI 96 % + ซึ่งรับประกันสีที่แม่นยำและเป็นธรรมชาติสุดๆ แต่จะแตกต่างกันในเรื่องการปรับอุณหภูมิของสี โดยไฟทั้ง 2 รุ่นยังให้ความคมชัด และสีไม่ผิดเพี้ยน อย่างไรก็ตามด้วยการที่รุ่น Aputure LS mini 20D ไม่มีการปรับค่า K ทำให้ต้องใช้เจลสีเพื่อช่วยในการปรับค่า และสร้างเอฟเฟกต์ ในขณะที่ Aputure LS mini 20C สามารถปรับค่า K ได้ทันที ทำให้สะดวกสบายในการทำงาน และเกิดความคล่องตัว และประหยัดเวลาด้วย
การปรับอุณหภูมิสีที่มีความหลากหลาย
จากการที่ Aputure LS mini 20C สามารถปรับอุณหภูมิสีได้ตั้งแต่ 3200K-6500K จึงปรับความสว่างได้หลากหลาย ตั้งแต่สีขาวอมเหลือง หรือแสงวอร์มไวท์ (Warmwhite), แสงสีขาวเย็นตา หรือแสงคูลไวท์ (Coolwhite) และแสงสีขาว หรือแสงเดย์ไลท์ (Daylight) ทำให้เราสามารถกำหนดรายละเอียดของแสงเพื่อให้เหมาะกับวัตถุที่ใช้สำหรับถ่ายวีดิโอ หรือนำไปใช้เพื่อเป็นฉากหลัง และเป็นไฟฟิลไลท์ เพื่อเกิดมิติขึ้น และเปิดรายละเอียดฝั่งที่เป็นด้านมืด
ในขณะที่ Aputure LS mini 20D ให้ค่าแสงสีขาวสูงสุด 7500K ไม่สามารถปรับค่า K เหมาะกับการนำไปใช้เพื่อเพิ่มความสว่างของใบหน้า และรีวิวสินค้าได้เช่นกัน โดยยังทำเป็นไฟฟิลไลท์ก็ได้ด้วย เพื่อเพิ่มแสงและรายละเอียดให้กับวัตถุเช่นกัน
สรุป
สำหรับไฟสตูดิโอ Aputure LS mini 20C และ Aputure LS mini 20D เป็นอุปกรณ์ที่ให้ความสว่างได้อย่างดีเยี่ยมทั้งสองรุ่น แต่มีความแตกต่างกันอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก สิ่งสำคัญก็คือทั้งสองรุ่นให้ความสว่างที่คมชัด และสีสันมีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งในการนำไปใช้เพิ่มแสงสำหรับการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม