Site icon เว็บสอนถ่ายภาพ สอนถ่ายวิดีโอ และผลิตคอนเทนต์ ที่เข้าใจมือใหม่มากที่สุด

ไมโครโฟนที่มีระบบบันทึกเสียงลงเมมในตัวดียังไงและมีความจำเป็นแค่ไหน แตกต่างยังไงเมื่อเทียบกับไมโครโฟนปกติ

คอนเทนต์ในตอนนี้จะเป็นการเจาะลึกเกี่ยวกับไมโครโฟนที่มีระบบ 2 แบบด้วยกันคือไมโครโฟนไร้สายทั่วไปและไมโครโฟนที่มีระบบบันทึกเสียงลง microSD Card โดยตรง นั่นคือ Lensgo 348C ว่าทั้งสองแบบแตกต่างกันในแง่การใช้งานแค่ไหน และใช้ประโยชน์ในการใช้งานได้ดีหรือเปล่า

 ไมโครโฟนที่มีระบบบันทึกเสียงลงเมมในตัวดียังไงและมีความจำเป็นแค่ไหน แตกต่างยังไงเมื่อเทียบกับไมโครโฟนปกติ

1. ข้อดีระหว่างการไมโครโฟนไร้สายแบบปกติและแบบที่มีระบบบันทึกเสียงลง microSD Card

ในแง่ของการทำงานไมโครโฟนไร้สายแบบปกติกับแบบที่มีระบบบันทึกเสียงลง microSD Card ไม่ได้มีข้อแตกต่างกันในด้านการรับเสียง ส่วนนี้มันขึ้นอยู่กับคุณภาพของไมโครโฟนที่มีมาให้แต่แรก แต่จะมีความต่างในส่วนของการใช้พลังงานบ้าง ข้อดีของไมโครโฟนไร้สายปกติแบตเตอรี่ของตัวส่งสัญญาณจะอึดกว่า เพราะไม่ได้ใช้พลังงานไปกับส่วนของการบันทึกข้อมูลลงการ์ด ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่ก็จะมีข้อด้อยคือถ้าสัญญาณขาดหายก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ในส่วนของ Lensgo 348C ถ้าหากใช้งานแบบทั่วไปไม่ได้บันทึกเสียงลงการ์ด ก็จะใช้แบตเตอรี่ได้นาน 7 ชั่วโมง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการบันเสียงเสียงลงการ์ดโดยตรงก็จะทำให้ใช้พลังงานเยอะขึ้น ระยะเวลาของแบตเตอรี่ก็จะเหลือประมาณ​ 4 ชั่วโมง ซึ่งสิ่งที่ได้คืนมาก็จะเป็นเรื่องของมีไฟล์เสียงสำรองสำหรับการทำงานซึ่งเหมาะกับการที่ซีเรียสมาก ๆ

2. โอกาสที่จะเกิดสัญญาณขาดหายบ่อยแค่ไหนและสภาพแวดล้อมที่เกิดความเสี่ยง

ถ้าจะพูดถึงเรื่องของโอกาสที่สัญญาณจะขาดหายจนต้องพึ่งพาความจำเป็นในการบันทึกเสียงลงเมมโดยตรงมีมากน้อยแค่ไหน ตามตรงก็ไม่บ่อยครับ แทบไม่เคยเจอเลยดีกว่าถ้าใช้ในสภาพแวดล้อมปกติ เช่น สวนสาธารณะ, การท่องเที่ยวทั่วไป และการยืนอยู่ในระยะ 50 เมตร สัญญาณยังไงก็คมชัดครับ

แต่ถ้าต้องไปถ่ายงานในห้างสรรพสินค้า มีคลื่นรบกวนเยอะ หรือบันทึกเสียงในระยะที่ไกลมาก ๆ อันนี้ความเสี่ยงก็เพิ่มตามปัจจัยที่มีครับ 

3. ความจำเป็นที่ไมโครโฟนควรมีระบบบันทึกเสียงสำรองลง microSD Card

ในกรณีที่เจาะลึกเรื่องความจำเป็นว่าควรจะมีระบบบันทึกเสียงสำรองลง microSD Card มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องมาพิจารณากลับว่างานเราต้องการความมั่นใจขนาดไหน ขนาดที่ว่าพลาดไม่ได้เลยก็ควรจะมีครับ เพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดแล้วยังไงก็ต้องควรมีแผนสำรอง ถ้าไม่มีก็แก้ไขอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าหากว่าเป็นงานทั่วไปอันนี้ก็แล้วแต่ว่าจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ

4. วิธีนำไฟล์เสียงที่ได้ไปแก้ไขในขั้นตอนตัดต่อเมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการบันทึกเสียงเกิดขึ้น

การนำไฟล์เสียงไปใช้นั้นวิธีก็ง่ายมากคือนำ microSD Card ออกจากไมโครโฟนและต่อเข้ากับ Card Reader ก็สามารถโหลดไฟล์เสียงไปใช้ในขั้นตอนตัดต่อกับซอฟต์แวร์ที่เรามีได้ทันที

ถ้าหากมีคำถามอะไรเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ทาง Shutter B Thailand พร้อมให้คำปรึกษาในการเลือกไมโครโฟนมาใช้งานครับ

Exit mobile version