Site icon เว็บสอนถ่ายภาพ สอนถ่ายวิดีโอ และผลิตคอนเทนต์ ที่เข้าใจมือใหม่มากที่สุด

EP.2 : Intermidate So Easy ถ่าย Video ให้น่าสนใจ และวิธีการทำคอนเทนต์ให้มีคนดู

ในหัวข้อที่ 2 นี้ เราจะเจาะลึกในเรื่องของการทำคอนเทนต์กัน ว่าจะทำคอนเทนต์ยังไงให้สามารถดึงดูดคนได้ และมีความน่าสนใจ อีกทั้งยังทำให้คนอยากจะติดตามเราด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะใช้ทั้งทักษะของการสร้างคอนเทนต์และวิธีคิดในด้าน Content Marketing เข้ามาเป็นสูตรในการทำคอนเทนต์ของเรา

ดูวิดีโอได้จากที่นี่เลยครับ

เทคนิคในการหาหัวข้อวิดีโอที่มีความน่าสนใจและทำให้คนอยากดู

สิ่งแรกที่เราควรคิดให้ดีเลยคือหัวข้อคอนเทนต์ที่มีความน่าสนใจ ลองคิดภาพตามเวลาที่เราจะเลือกดูสักคอนเทนต์ เราจะเลือกคอนเทนต์ที่มันน่าสนใจมาก ๆ กว่าตัวอื่น แล้วในมุมคนดูเขาจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าหัวข้อไหนมีความน่าสนใจ คำตอบก็คือ “การตั้งชื่อหัวข้อ” นั่นเอง

ไอเดียการตั้งชื่อหัวข้อก็มีหลายเทคนิคนะ อย่างเช่นการเลือกตั้งชื่อเป็นข้อ ๆ ไว้ให้คนดูรู้หรือทำตาม เช่น 7 เทคนิคในการถ่ายภาพให้สวย หรือจะเป็น 7 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ที่อยากถ่ายวิดีโอให้เก่ง หัวข้อพวกนี้จะสร้างความน่าสนใจให้กับคนดูได้มาก และก็ทำให้คนดูสามารถคาดเดาได้ว่า จะใช้เวลาดูคอนเทนต์นี้นานหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีกี่หัวข้อนั่นแหละ

หรือถ้าใครเป็นรีวิวไปเลยก็สามารถที่จะตั้งชื่อตรง ๆ ก็ได้ เช่น รีวิว Sony A7C กล้องสำหรับมือใหม่ที่ช่วยให้เริ่มต้นถ่ายวิดีโอได้ง่ายที่สุด เป็นต้น

อีกเทคนิคนึงในการตั้งชื่อหัวข้อคือ ตั้งแบบคำถาม เพื่อให้คนดูสามารถคิดตาม และสงสัยจนอยากจะกดเข้ามาดู เช่น “รู้ไหมว่าทำไม Sony ZV-1 ถึงเป็นกล้องที่เหมาะกับมือใหม่ที่สุด” หัวข้อแบบนี้จะกระตุ้นความสงสัยของคนดู ทำให้เขาอยากจะรู้ว่าในเนื้อหาที่เราได้เตรียมไว้มีอะไรนำเสนอบ้าง

การใช้มุมกล้องสำหรับการนำเสนอตัว Video เพื่อดึงความสนใจจากผู้ชม

ในเรื่องต่อมาคือเรื่องของมุมกล้องในการนำเสนอ ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความสนใจให้กับคนที่กำลังชมคอนเทนต์ของเราได้ โดยมุมกล้องที่เรามักจะใช้ในการนำเสนอนั้น

1. มุมหน้าตรง ๆ

สำหรับคนที่ทำคอนเทนต์รีวิว หรือการสอนแบบเน้นทางการ ดูจริงจัง ซึ่งเป็นมุมกล้องที่ผมใช้ค่อนข้างบ่อยสำหรับทำคอนเทนต์สอน คนดูสามารถที่จะโฟกัสสายตามาที่เราได้โดยตรง คอนเทนต์ดูเป็นทางการ เหมาะกับการรีวิวสินค้า การสอน หรือการเล่าเรื่อง ที่เราอยากจะให้คนดูโฟกัสที่ตัวเราเท่านั้น

2. มุมกล้องถ่ายด้านข้างเข้าไป 35 – 45 องศาจากตัวแบบ

เหมาะกับการใช้เป็นมุมกล้อง 2 สำหรับถ่าย Insert และสัมภาษณ์ ทำให้คนดูเห็นบรรยากาศที่หลากหลายมากขึ้น ใช้ตัดสลับกับมุมกล้องหลัก เพื่อกระตุ้นความสนใจและไม่ทำให้วิดีโอดูน่าเบื่อ

3. มุมถ่ายเจาะที่ตัวสินค้า

เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจน ซึ่งมุมกล้องแบบนี้จำเป็นมาก เวลาที่เราต้องการเล่ารายละเอียดของสิ่งที่กำลังนำเสนอ โดยเฉพาะตัวสินค้าในมุมต่าง ๆ ระหว่างที่เรากำลังพูดบรรยายอยู่ ให้เราถ่ายวิดีโอมุมเจาะตัวสินค้ามาด้วย

4. มุม Top (มุมสูงถ่ายกดลงมา)

เพื่อให้เห็นตัวสินค้าจากด้านบน บอกเล่าเรื่องราวได้น่าสนใจขึ้น ซึ่งเป็นอีกมุมกล้องนึงที่ Video Creator สายรีวิวมักจะใช้กันกับโต๊ะ ทำให้มองเห็นขนาดของอุปกรณ์ พื้นที่การทำงานของเรา และบอกเล่าลักษณะการใช้งานสินค้าได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

5. มุมมองกล้องแบบผู้ใช้

จะเป็นการวางกล้องไว้ข้างหน้าในระดับใกล้เคียงกับสายตาของคนที่รีวิวของ หรือสอนการใช้งานแอพมือถือต่าง ๆ จะทำให้คนดูนั้นสามารถที่จะจินตนาการตามได้ทันที และคนดูสามารถเห็นประสบการณ์เดียวกับเราด้วย เหมาะมากกับการรีวิวของต่าง ๆ

6. มุมกล้องสำหรับถ่ายบุคคลแบบ Close Up

เป็นการถ่ายมุมกล้องระยะใกล้ เพื่อเน้นอารมณ์ ความรู้สึก เช่น สายตาของตัวคนที่อยู่ใน Video ของเรา ซึ่งจะช่วยขยายและถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้มากขึ้นกว่าเดิม

การเลือกใช้กล้องที่ดีและเหมาะสมสำหรับงานวิดีโอของเรา ช่วยให้คุณภาพงานของเราดีมากขึ้น

เรื่องอุปกรณ์ไม่พูดถึงเลยก็คงไม่ได้ เพราะว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ไอเดียต่าง ๆ ที่เราคิดออกมานั้นเป็นไปได้ตามที่เราวางแผนไว้มากขึ้น ซึ่งการเลือกใช้กล้องที่ดีและเหมาะสมนั้นจะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายด้วย ทีนี้คำถามคือเราจะเลือกใช้กล้องอะไรดี

สำหรับคนที่เริ่มต้นอย่างที่เคยแนะนำไปใน EP.1 ถ้าหากว่าเรางบไม่เยอะ เราควรเลือกกล้องที่สามารถถ่ายทำได้ง่าย ๆ ไปคนเดียว ก็อย่าง Sony ZV-1 ซึ่งจะเหมาะกับมือใหม่เลย เราสามารถทำคอนเทนต์ได้สะดวกครับ ติดไมโครโฟนแยกจากภายนอกก็ได้

แต่สำหรับคนที่อยากจะได้ภาพที่คุณภาพสูงมากขึ้นจริง ๆ ควรมองตั้งแต่ Sony A6400 และ Sony A7C ขึ้นไป ที่จะช่วยให้เราได้มิติภาพที่สวยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของระยะเลนส์ที่เราสามารถเลือกซื้อเพิ่มได้ เพื่อให้เราได้มุมมองของวิดีโอที่สวยมากขึ้น อันนี้ก็ต้องวางแผนว่าเราสามารถที่จะซื้อตัวไหนไหวสำหรับงานของเรา

สิ่งสำคัญคือเวลาที่เราทำวิดีโอออกมาได้น่าสนใจ ก็สามารถทำให้คนดูรับรู้ได้ว่าคอนเทนต์ของเรา ชาแนลของเรานั้น อยู่ในระดับไหน ทำให้คนดูเขาคิดต่อได้ว่าจะเลือกกด Subscribe คนนี้ดีไหม คอนเทนต์น่าติดตามไหม อันนี้คือส่วนสำคัญ เพราะงั้นอุปกรณ์จะบอกว่าสำคัญมากเหมือนกัน ก็คงใช่แหละ

เสริมเนื้อหาให้น่าสนใจด้วยการใช้ Transition ที่เหมาะสม

ต่อมาคือเรื่องของการเสริมลูกเล่นระหว่างวิดีโอคือการเลือกใช้ Transition ให้เหมาะสม เพื่อให้เรานั้นสามารถที่จะเปลี่ยนเนื้อเรื่องของการนำเสนอได้ ซึ่งถ้าตัดไปห้วน ๆ เลยมันก็อาจจะทำให้วิดีโอเราดูแปลก ๆ หน่อย (เว้นแต่จะวางเรื่องราวเป็นเหมือนหนังสั้นไปเลย)

แต่ในกรณีที่ผมทำคอนเทนต์รีวิวบ่อย ๆ จะเลือกใช้ Transition ในการเปลี่ยนหัวข้อการนำเสนอ จะช่วยให้เรานั้นสามารถดำเนินเรื่องราวได้ต่อเนื่องแม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหัวข้อ แล้วก็การเลือกใช้ Transition ที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญมากเลยทีเดียวครับ เพราะถ้า Transition เราเลือกผิดก็จะทำให้การเปลี่ยนหัวข้อของเราดูขัดหูขัดตาได้

ส่วนใหญ่ผมจะเลือกใช้การเปลี่ยน Transition ที่ไม่ดูหวือหวามากครับ ค่อย ๆ เปลี่ยนช้า ๆ อย่างพวก Blur ต่าง ๆ เราลองเลือกใช้ในโปรแกรมตัดต่อของเราก็ได้ เลือกแล้วสังเกตดูครับว่าอันไหนเราใช้แล้วดูเหมาะสม

ถ้าหากทำคอนเทนต์แบบรีวิว ให้เรา Focus ตัวสินค้าให้ชัด และจัดมุมมองเพื่อให้ตัวสินค้ามีความโดดเด่น

เรื่องสุดท้ายที่จะพูดถึงเลยก็คือการเลือกทำคอนเทนต์แบบรีวิวนั้น ต้องโฟกัสสินค้าให้เข้า และต้องรีเช็คทุกครั้งในขั้นตอนการผลิต เพราะตัวเอกของเนื้อหาเราคือ Product เลย แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะพลาดกันเรื่องของการโฟกัสตัวสินค้าให้ชัดเจน ดังนั้นตอนที่เรากำลังนำเสนอสินค้า ในทุก ๆ Shot ห้ามโฟกัสพลาดเด็ดขาดครับ

พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์การถ่ายภาพได้ที่ PHOTOSCHOOLTHAILAND

Exit mobile version