Site icon เว็บสอนถ่ายภาพ สอนถ่ายวิดีโอ และผลิตคอนเทนต์ ที่เข้าใจมือใหม่มากที่สุด

รีวิวงาน Panasonic Lumix S1H Touch and Try ทดสอบกล้อง Video Production ประสิทธิภาพสูงสำหรับงานภาพยนตร์ รวมถึงเลนส์ Lumix S Series จำนวน 4 รุ่น

รีวิวงาน Panasonic Lumix S1H Touch and Try ทดสอบกล้อง Video Production ประสิทธิภาพสูงสำหรับงานภาพยนตร์ รวมถึงเลนส์ Lumix S Series จำนวน 4 รุ่น

คอนเทนต์วันนี้จะดูแปลกตาหน่อยเพราะว่าเราได้มีโอกาสมาที่งานของ Panasonic Lumix S1H Touch and Try ที่ทางแบรนด์พานาโซนิกส์ให้เกียรติเราได้ร่วมงาน ซึ่งในงานวันนี้จะเป็นกลุ่ม Influencer และกลุ่มคนที่ทำงานภาพยนตร์ได้มาเท่านั้น

วัตถุประสงค์งานนี้เพื่อให้เราได้ลองกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดที่เจาะตลาดภาพยนตร์โดยเฉพาะคือ Panasonic Lumix S1H ถ้าให้ซื้อมาลองเองก็คงไม่ไหว ของลองในงานนี้ดีกว่า ฮ่า ๆ นอกจากนี้ก็จะมีเลนส์มาให้ลองด้วย คือเลนส์ Panasonic Lumix S Series รวมถึงเลนส์ Third Party ก็คือ SIGMA ที่มีเลนส์กลุ่ม ​Cinema เข้ามาร่วมจัดกิจกรรมนี้ด้วย เขาทำเลนส์ให้ใช้ด้วยกันกับแบรนด์นี้ด้วยนะ

รีวิวงาน Panasonic Lumix S1H Touch and Try ทดสอบกล้อง Video Production ประสิทธิภาพสูงสำหรับงานภาพยนตร์ รวมถึงเลนส์ Lumix S Series จำนวน 4 รุ่น

ทีนี้เรามาเริ่มที่ตัวกล้องกันก่อน จุดเด่นของกล้อง Panasonic Lumix S1H จะเป็นกล้องเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม ที่สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดระดับ 6K แน่นอนว่าคนทั่วไปคงไม่ได้ใช้ความละเอียดระดับนี้ (ยกเว้นว่าอยากได้กล้องเทพขนาดนี้อ่ะนะ) ความละเอียดตัวกล้อง 24 ล้านพิกเซล เผื่อว่าใครจะถ่ายภาพนิ่งเขาก็ยังครองตลาดนี้อยู่นั่นเอง

จุดหลักของงานวันนี้คือการเปิดตัวกล้อง Panasonic Lumix S1H และประสิทธิภาพการใช้งาน กล้อง Hybrid 6K Video และถ่ายภาพนิ่งเก่งด้วย

มาคุยเรื่องจุดหลักก่อน จุดเด่นที่ Panasonic Lumix S1H มันต่างจากกล้องปกติยังไง ทำไมมันต้องต้องมีซีรีส์ S1H อย่างแรกคือเรื่องของการถ่ายวิดีโอในทุกสภาวะแสง เขาใช้ความสามารถของ Dual Native ISO ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ขยายข้อจำกัดของการถ่ายวิดีโอแบบดิจิตอล ไม่ว่าเราใช้ ISO สูง ก็ทำให้เราได้ไฟล์ที่มีคุณภาพเหมือน ISO ที่น้อยอยู่ ถือว่าเป็นข้อดีนะ (แต่ก็ต้องแบกมาด้วยราคาที่สูงตามศักยภาพ)

Dynamic ไฟล์วิดีโอ 14+ Stop V-Log, V-Gamut

นอกจากนี้ Dynamic ของไฟล์วิดีโอยังได้ถึง 14+ Stop V-Log, V-Gamut เอาเป็นภาษามนุษย์คือเวลาที่เราได้ไฟล์ที่มีไดนามิกขนาดนี้มาสามารถที่จะเอาไปทำสีได้ เกรดดิ้งได้ คนทั่วไปที่มีกำลังซื้อ หรืออยากได้กล้องประสิทธิภาพสูงมาก ๆ ในการเอาไฟล์ไปทำต่อ สิ่งนี้มีความสำคัญมาก ซึ่งกล้องตัวนี้ทำได้

ระบบกันสั่น Dual I.S. 2 ทำให้ลดการสั่นไหวได้เยอะ แม้ว่าจะเป็นกล้อง Full Frame ก็ตาม และเป็นสิ่งที่ Panasonic ถนัด

ทีนี้ผมจะพูดในมุมของคนทั่วไปเยอะหน่อยนะ จะได้รู้ว่ากล้องเหล่านี้มันเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับเรา ก็คือเรื่องของระบบกันสั่นแบบ Dual I.S. 2 ซึ่งเป็นระบบกันสั่นในตัวกล้องและเลนส์ทำงานคู่กัน ทำให้ลดการสั่นไหวได้เยอะ ระบบกันสั่นผมถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คนถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอทุกระดับต้องการ ยิ่งเทคโนโลยีสูงเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะทำให้เราได้งานออกมาที่ดีขึ้น ยิ่งเอาไปใช้กับ Gimbal Stabilizer ก็ยิ่งดีขึ้นไปด้วย

ถ่ายวิดีโอแบบ 4:2:2 10-bit แบบ Internal เลย

สิ่งที่เป็นรายละเอียดหลักอีกอย่างหนึ่งก็คือการถ่ายวิดีโอแบบ 4:2:2 10-bit ที่สามารถจบในกล้องได้เลย เป็นไฟล์ที่มีรายละเอียดสีที่เยอะมาก เวลาเอาไฟล์ไป Grading หรือแต่งสีมันไปได้ไกลขึ้น เรื่องนี้ผมเข้าใจว่าคนทั่วไปอาจจะยังไปได้ไม่ถึง และค่อนข้างลึกในปี้นี้อยู่ แต่ถ้าเรามองในอนาคตผมมองว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่คนทั่วไปเข้าใจ และเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นครับ

ซึ่งปกตินะ การถ่ายวิดีโอแบบ 4:2:2 10-bit นั้น ต้องต่อออกมาที่ External Monitor และทำการบันทึกแยกเอา ทำให้อุปกรณ์ที่ติดตั้งสำหรับงานวิดีโอสเกลมันใหญ่มาก คนทั่วไปคงไม่สะดวกแต่ด้วยที่เป็นแบบ Internal จบในตัวกล้องเลย ผมว่ามันเหมาะกับคนทุกแบบ โดยเฉพาะคนทั่วไปที่มีกำลังซื้อถึงและอยากได้คุณภาพสูงสุด ผมว่าสะดวกมาก ๆ ครับ

จุดอื่น ๆ ในกล้องตัวนี้ที่มีความน่าสนใจและสะดวกมากก็คือ การบันทึกแบบ Unlimited ไม่ตัด ปกติแล้วกล้องทั่วไปถ่าย 30 นาทีก็ต้องตัดแล้วกดบันทึกใหม่ แต่ตัวนี้ไม่ต้องครับ กดยาว ๆ ได้เลย แล้วก็มีส่วนของการระบายความร้อนที่ออกแบบโดยเฉพาะ ทำให้การถ่ายวิดีโอแบบ 6K ความร้อนสะสมในกล้องนั้นลดลงไปเยอะมาก (ยิ่งคนถ่ายวิดีโอ 6K, 4K กลางแดดกล้องจะร้อนง่าย) ในส่วนนี้ทาง Panasonic ก็ได้ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ตรงนี้โดยเฉพาะ

เรามาต่อกันอีกหน่อยเรื่องของการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion หรือว่า High Frame Rate กล้องตัวนี้สามารถถ่ายที่ 180fps (7.5x) ที่ความละเอียด Full HD ด้วย ทำให้เราได้ Footage แบบ Slow Motion รายละเอียดดีมาก ๆ ซึ่งปกติการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion นี่ รายละเอียดของไฟล์มันจะลดลง แต่กล้องตัวนี้เขาตั้งใจทำออกมาให้อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มืออาชีพโดยเฉพาะเลย

สรุปจากรีวิวของผู้ใช้ในกลุ่มมืออาชีพ และจากคนร่วมงานที่ได้ใช้งานจริง

สิ่งที่มืออาชีพเขา Reccommended ก็คือประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอที่ ISO สูงก็ยังได้เนื้อไฟล์ที่ดี เพราะว่าการทำงานในการทำงานจริง บ่อยครั้งก็ต้องเจอพื้นที่แสงน้อยมาก กล้องสมัยก่อนเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ แต่ด้วยที่กล้องรุ่นนี้มีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมาก ทำให้การถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยอย่าง ISO 4000 ก็สามารถที่จะได้ไฟล์ที่เนี๊ยบขึ้น

รวมไปถึงการทำงานร่วมกับ Anamorphic lens/Cinema Lens ตัวกล้องก็สามารถทำงานได้ลงตัว อันนี้เป็นสเกลงานในระดับมืออาชีพก็สามารถรองรับได้ เพราะงั้นงานสำหรับคนทั่วไปสบายหายห่วงครับ

ภาพจากกล้อง Panasonic Lumix S1H (ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวจะขอยืมมารีวิวละเอียดอีกครั้งนะ)

จะเป็นภาพที่แสดงศักยภาพในการถ่ายในปัจจัยที่แสงน้อยมาก ๆ และทำให้เราได้เห็นรายละเอียดในส่วนมืดที่ชัดเจน แล้วก็ความคมของภาพยังคงอยู่

Panasonic Lumix S1H มีเลนส์รองรับกว่า 42 ตัว ทั้งของแบรนด์ Panasonic เอง และ Third Party ที่ทำงานร่วมกับ Leica & SIGMA

ใช่แล้ว สิ่งที่ Panasonic วางแผนมาดีคือเรื่องของเลนส์ที่รองรับทั้งในงานภาพนิ่งและวิดีโอ เพราะเลนส์ของ Panasonic เองก็อยู่ที่ 10 ตัว และที่เหลือเป็นของ ​Third Party อย่าง Leica และ SIGMA ซึ่งมีความชำนาญในการทำเลนส์คุณภาพสูงมานานครับ แน่นอนว่าประสิทธิภาพไม่ต้องห่วง

ในงานวันนี้บอกอะไรเราบ้าง

ตลาดของการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอเปลี่ยนไปพอสมควรในด้านเทคโนโลยี และปกติการถ่ายวิดีโอนั้นเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับ End User อย่างเราเมื่อปีสองปีก่อน

แต่ว่าในปัจจุบัน เรื่องของการถ่ายวิดีโอ เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก และเป็นสื่อปกติที่เราก็อัพโหลดคอนเทนต์ขึ้น Channel หรือว่า Facebook ส่วนตัวกันไปแล้ว ยิ่งกลุ่มคนที่ทำงาน Commercial กลายเป็นสิ่งจำเป็นเลย ทั้งคอนเทนต์วิดีโอ ภาพนิ่ง เลยทำให้อุปกรณ์คุณภาพสูงนั้นต้องออกมารองรับความต้องการเหล่านั้น

ถ้าหากว่าผู้อ่านเป็นคนที่คาดหวังกล้องประสิทธิภาพสูง มีเลนส์รองรับ ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอที่สุดจริง ๆ กล้อง Panasonic Lumix S1H จะเป็นอีกหนึ่งตัวที่เป็นตัวเลือกเบอร์ต้น ๆ สำหรับเราครับ แต่ราคาก็สูงนิดนึง อันนี้ต้องเข้าใจแหละนะ

จุดเด่นของกล้องประกันศูนย์และงานที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า รวมไปถึงการพิสูจน์ประสิทธิภาพจากคนทำงานในระดับมืออาชีพของเมืองไทย

อันนี้ผมฝากเพิ่มเติมสำหรับกระแสบ้านเราที่มีคำถามว่ากล้องประกันศูนย์ทำไมถึงมีราคาค่อนข้างสูงกว่า ส่วนใหญ่คือเรื่องของการให้บริการและทางด้านการตลาดในบ้านเรา อย่างแรกคือศูนย์บริการครับ เพราะไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ตาม การที่มีศูนย์ในบ้านเรา คือมีอะไหล่เปลี่ยนและมีทีม Services รองรับ แน่นอนว่าทำให้ราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สูงขึ้น แต่เราก็ได้ Services เยอะตามไปด้วย

นอกจากนี้เรื่องของการพิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้งานจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ยังไงก็ต้องอาศัยกลุ่มคนระดับมืออาชีพมาทดสอบ ทางแบรนด์ก็ต้องลงทุนทำส่วนนี้ ที่สำคัญสุดคือ Workshop สำหรับคนที่ไปที่แบรนด์จัดบ่อย ๆ ถ้าหากว่าเราซื้อสินค้าประกันศูนย์ แม้ราคาจะสูงกว่ากล้องหิ้วอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เราได้รับมันก็คุ้มนะ และทำให้เราสบายใจเรื่องการ Services หลังการขายด้วย

รวมบทความถ่ายภาพ PORTRAIT เบื้องต้นสำหรับมือใหม่ ตั้งแต่ BASIC PHOTOGRAPHY และ PORTRAIT PHOTOGRAPHY แบบครบจบทุกหัวข้อ

Exit mobile version