เล่นกล้องยังไงให้สนุกและทำเงินได้ด้วย

เล่นกล้องยังไงให้ได้เงิน ประเด็นวันนี้จะพูดถึง การถ่ายภาพให้สนุก ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ชอบพัฒนาตัวเองและหาแนวทางถ่ายภาพใหม่ ๆ รวมถึงอยากจะลองเพิ่มรายได้จากการถ่ายภาพด้วย เพราะอุปกรณ์มันก็ใช้เงินเหมือนกัน ซึ่งในวันนี้ผมจะมาแผ่รายละเอียดของแนวทางแต่ละอย่างที่ผมคิดว่า มีความเป็นไปได้มากในยุคนี้ และก้อเรายังทำได้เรื่อย ๆ แบบไม่กดดันด้วย

เนื้อหาทั้งหมดวันนี้มี 7 หัวข้อ เดี๋ยวเรามาลุยทีละประเด็นกันเลย

1. เล่นกล้องยังไงให้ได้เงิน ลองเริ่มจากรีวิวสิ่งของที่ชอบ ลงบน Blog, YouTube, Pantip

คนเล่นกล้องยุคนี้เติบโตมากับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทั้งหลาย แน่นอนว่าหลายคนอาจจะเล่นทั้ง สมาร์ทโฟน, หูฟัง และอิื่น ๆ ซึ่งเราสามารถใช้การถ่ายภาพเนี่ยคู่กับการเขียนบทความลงบล็อก หรือทำวีดีโอออกมาลงตามสื่อต่าง ๆ ให้คนอื่น ๆ ดู แรกเริ่มเราชอบแบ่งปันเรื่องราวและมีคนเข้ามาดู เราก็ชอบใช่ไหมล่ะ

แต่เราสามารถไปได้ไกลกว่านั้นคือ ทำเนื้อหาให้มันตอบโจทย์คนดูมากขึ้น คนชอบดูรีวิวเรามากขึ้น จนทำให้มีคนที่ต้องการจะจ้างเราเลยแหละ นอกจากนี้ Traffic ของบล็อกหรือเว็บเราใช้ทำเงินได้ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมองเห็นโฆษณา หรือว่าจะเป็นเรื่องการทำโฆษณาเฟซบุ๊ค เช่น การทำ Target Audience, Retargeting (อันนี้มันเรื่องการตลาดแต่ถ้าอยากรู้ค่อยหลังไมค์อีกทีนะ)

กลุ่มเป้าหมายที่อ่าน,ชมเนื้อหา

คนที่ชอบสิ่งของหรืออุปกรณ์เดียวกับเรา ให้สังเกตก่อนที่เราจะซื้อของอะไรในยุคนี้ เรามีสิ่งหนึ่งที่ด้านการตลาดเรียกกันว่า Customer Journey คือ เราจะเริ่มใช้สื่อต่าง ๆ ในมือเพื่อค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าตรงนั้นให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าเราต้องเข้า Search Engine อย่าง Google, YouTube และค้นหาผ่าน Facebook Page บ้างตามความสะดวก นั่นแปลว่าเรากำลังได้ยอดวิวคนดูผ่านทางสื่อเหล่านี้

กลุ่มที่มีแนวโน้มเป็นลูกค้าหรือคนจ้างงาน

1. คนที่ขายสินค้าตัวนั้น หรือกลุ่มนั้น อาจจะอยากได้คนรีวิวของต่อเนื่องลงตามสื่อต่าง ๆ
2. คนที่อยากโฆษณา Gadget หรือของนั้น ๆ ลงบล็อกเว็บ หรือเพจเรา แน่นอนว่าหัวข้อนี้เราต้องทำต่อเนื่องมากพอที่บล็อกเราจะมี Traffic หรือคนดูมากพอจนเขายอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับการมองเห็น
3. คนที่คอยวางแผน Content สำหรับสินค้าประเภทนั้น โดยนำเสนอโดยใช้ ภาพ, ตัวอักษร, วีดีโอ เป็นหลักในการสื่อสาร

โอกาสและอุปสรรคในการทำรีวิว

1. เราต้องฝึกทักษะการเขียน เพราะมันใช้ทั้งภาพ และการเล่าเรื่องให้กระชับ เหมาะกับสื่อที่เราไปลง เรื่องนี้เรียนรู้ได้
2. ต้องอาศัยการทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดคนอ่าน (Follwers) และสร้างความน่าเชื่อถือกับคนที่มีแนวโน้มจะจ้าง ความต่อเนื่องคือสิ่งที่ยากที่สุด
3. ต้องพัฒนาทักษะถ่ายภาพด้วย เพราะมันทำให้การเล่าเรื่องของเราดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

2. รีวิวและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว,การเดินทาง ลงบน Blog, YouTube, Pantip

อีกหนึ่งกระแสซึ่งเป็นที่นิยมมาก ๆ ในตอนนี้คือการถ่ายภาพท่องเที่ยว และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในการเดินทาง ซึ่งคนยุคนนี้ชอบเสพย์เนื้อหาประเภท Life Style มาก ๆ ทั้งการเที่ยว การถ่ายภาพ ของกิน การวางแผนการเดินทาง ซึ่งใครทำเพจและเขียนคอนเทนต์ประเภทนี้ลง Pantip ก็จะมีแนวโน้มที่จะ “ปัง” ได้ง่าย ๆ เลยครับ โดยเฉพาะคนที่สามารถถ่ายภาพ และบอกถึงวิธีการเดินทางได้

กลุ่มเป้าหมายที่อ่าน,ชมเนื้อหา

กลุ่มเป้าหมายที่อ่านส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่สนใจการท่องเที่ยว การเดินทาง พวกการพักผ่อนเป็นหลัก และคนชอบเสพย์คอนเทนต์ประเภทนี้หลังเลิกงานเยอะมาก เพราะคนเราเบื่อจากการทำงานก็อยากพัก อยากชิล ตรงนี้จะเป็นแรงจูงใจให้ทุกคนอยากจะเสพย์เนื้อหา อยากอ่านครับ ถ้าวัดกลุ่มอายุก็ช่วง 24-38 ปี ที่เล่นโซเชียลเป็นหลัก และพร้อมจะเดินทางในช่วงวันหยุด

กลุ่มที่มีแนวโน้มเป็นลูกค้าหรือคนจ้างงาน

นักการตลาดเกี่ยวกับกล้อง อุปกรณ์กล้อง อุปกรณ์การเดินทาง พวกนี้เขาจะตามหานักรีวิวที่ “มีแวว” ในการนำเสนอเนื้อหา และถ่ายภาพสวยครับ หลายคนได้ขึ้นเวทีบรรยายในอีเวนต์งานกล้อง หรือไม่ก็ถูกจ้างให้รีวิวครับ บางคนได้ของมาใช้ฟรีแลกกับการรีวิวระหว่างที่เราเที่ยวไปด้วยครับ สังเกตว่าถ้าใครมีสปอนเซอร์ก็มักจะต้องถ่ายภาพให้เห็นบ้างแหละ ซึ่งเรียกได้ว่าโอเคนะ บางครั้งได้ทั้งของ ได้ทั้งเงิน บ้างก็ได้โอกาสในการทำงานเพิ่มมากขึ้น

โอกาสและอุปสรรคในการทำรีวิว

1. การถ่ายภาพต้องดูน่าสนใจ สามารถทำให้คนอื่นอยากจะไปเที่ยวแบบเราได้ด้วย
2. บ่อยครั้งที่คนเขียนคอนเทนต์ท่องเที่ยวได้ขึ้นตามเวทีบรรยายให้กับแบรนด์ และหลายคนก็ได้เป็นบล็อกเกอร์ให้แบรนด์ไปเลย ได้ใช้กล้องฟรีตามเงื่อนไข ทำให้ผลิตงานได้เยอะขึ้น ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เพิ่มเลย
3. ความยากคือการทำต่อเนื่อง เพราะต้องมีกำลังในการเที่ยวเหมือนกัน รวมถึงการบริหารจัดการชีวิตส่วนตัวกับการท่องเที่ยว รวมถึงทำเนื้อหาออกมา อาจจะเหนื่อย แต่เรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคเลยสำหรับคนที่ชอบเที่ยวถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ

3. สอนทักษะถ่ายภาพลงบล็อก หรือ YouTube Channel

อีกหนึ่งเรื่องสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพมาก ๆ ผมก็เหมือนกันคือเราสอนถ่ายภาพลงบล็อกครับ เป้าหมายไม่ใช่เพื่อบอกว่าเราเก่ง แต่ให้เรามอบคุณค่าและแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด แน่นอนว่าเนื้อหา ภาพถ่าย และสิ่งต่าง ๆ ที่เรานำเสนอตรงนี้จะได้รับความนิยมกับคนชอบถ่ายภาพค่อนข้างมากครับ และแบรนด์ต่าง ๆ ก็ชอบเนื้อหาแบบนี้ด้วย เพียงแค่ต้องทำออกมาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง

กลุ่มเป้าหมายที่จะอ่าน,สนใจเนื้อหาประเภทนี้

เยอะเลยครับ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปมีแน่ ๆ คุณก็เป็นหนึ่งในคนที่สนใจการถ่ายภาพ แน่นอนว่าก็ชอบเนื้อหาประเภทนี้อยู่แล้ว หรือใครที่ชอบรีวิวควบคู่ไปด้วยก็สามารถทำเนื้อหาทั้งสองสไตล์นี้ลงบล็อก, YouTube หรือ Pantip ได้เลยครับ เพียงแต่การรีวิวนั้นต้องคิดถึงคนอ่านด้วยนะครับว่าเขาอยากมองเห็นบน Facebook ไหม และเรารีวิวอย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่า สิ่งสำคัญในการทำบล็อกแนวนี้คือ “อย่าทำลายความเชื่อใจของคนอ่านหรือผู้ติดตามเนื้อหาโดยเด็ดขาดครับ” เช่น การรีวิวแบบไม่ตรงไปตรงมา หรือแม้แต่การเน้นขายเนื้อหาประเภทรีวิวจนเกินไป ทำให้มันผิดวัตถุประสงค์ที่เขาติดตามเราตั้งแต่แรกได้ครับ

นอกจากนี้ถ้าหากเนื้อหาที่เราทำสอนเป็นคอร์สออนไลน์ อันนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงเหมือนกันถ้าเราชอบจริง ๆ นะ ก็สามารถที่จะคิดค่าบริการในการอ่านเนื้อหาก็ได้นะครับ หรือบางคนทำ Preset ขายก็มี แล้วแต่ความถนัดนั่นเองครับ

กลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็นลูกค้าหรือจ้างงาน

สำหรับคนที่กำลังจะมาเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรานั้น ส่วนใหญ่เป็น Brand กล้อง หรือว่า Distributor ที่นำเข้าสินค้า และต้องการคนที่ให้ความรู้พร้อมทั้งนำเสนอกล้องอุปกรณ์อะไรแบบนั้นไป ผ่านทั้งเทคนิคการถ่ายภาพ การสินถ่ายภาพก็มีครับ อันนี้แล้วแต่ว่าเราถนัดทำคอนเทนต์สอนแบบไหน และสอดคล้องกับอุปกรณ์ตัวไหน

โอกาสและอุปสรรคในการทำงานส่วนนี้

1. โอกาสก็คือเรามีโอกาสได้ Connection ในกลุ่มบล็อกเกอร์ในวงการครับ สามารถแลกเปลี่ยนข่าวสาร และโอกาสในการทำงานร่วมกัน
2. มีโอกาสที่จะถูกจ้างในการรีวิว หรือว่าวางแผนในการผลิตคอนเทนต์ร่วมกับบริษัทนั้น ๆ ครับ
3. ถ้าไปได้สวยก็ได้ขึ้นเวทีพูดเล่าประสบการณ์ด้วยนะ
4. สิ่งที่ต้องทำคือความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นำเสนออย่างจริงใจกับคนอ่าน และมอบคุณค่าให้กับคนอ่านด้วย ไม่ว่าจะเป็นความรู้ และสิ่งที่เขาจะนำไปใช้ต่อ

4. ทำงานเกี่ยวกับวงการกล้อง, อุปกรณ์ถ่ายภาพ

สำหรับคนที่อยากจะทำงานประจำเกี่ยวกับด้านกล้อง ตรงนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับการเรียนรู้เรื่องถ่ายภาพและสามารถที่จะเรียนรู้ในอุตสาหกรรมนี้ เช่น การเป็นพนักงานขาย, การเป็นนักการตลาดด้านกล้อง หรือเป็นนักรีวิว, บล็อกเกอร์ ให้กับบริษัท ข้อดีของตรงนี้คือเราสามารถที่จะได้เงินประจำ งานประจำ และมีอุปกรณ์ให้เล่น มีโอกาสได้ถ่ายภาพในโอกาสต่าง ๆ มากขึ้น โดยใช้คอนเนคชั่นในสายงานนี้แหละต่อยอดไปเรื่อย ๆ ได้ครับ แน่นอนว่าอาจจะไม่ต้องตอบโจทย์คนที่อยากทำเป็นงานอดิเรกนะ ผมแค่นำเสนอว่ามีแนวทางนี้ด้วย

กลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็นลูกค้าหรือจ้างงาน

ก็บริษัทที่เกี่ยวกับวงการกล้องทั้งหลายครับ เขาต้องการคนที่จะมาแก้ปัญหาในแต่ละส่วน อันนี้ถ้าพูดแบบผิว ๆ มันก็เหมือนงานประจำงานนึง แต่ถ้าเรามีแผนงานชัดเจน แล้วเริ่มต้นถูก เราสามารถที่จะได้ไปงานเปิดตัวหลาย ๆ งาน แลกเปลี่ยนคอนเนคชั่น และต่อยอดจากสิ่งที่ได้รับในแต่ละงาน ถ้าทำได้ดีก็ไปได้ไกลครับ และความเสี่ยงน้อย เพราะเป็นเรื่องที่เราชอบด้วย ได้เงินประจำด้วย ได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ ด้วย

โอกาสและอุปสรรคในการทำงานส่วนนี้

1. เรามีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมงานในหลาย ๆ ส่วน เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่, การได้ทำงานที่จะต้องหาแผนในการโปรโมตสินค้า ซึ่งมันก็แล้วแต่สายงานด้วยนะ ถ้าในส่วนสายงานการตลาดล่ะก็ โอกาสค่อนข้างเยอะ และมีการแข่งขันกันตลอด ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองตลอดเวลาด้วย ทำให้เรามีอนาคตที่เดินได้เรื่อย ๆ ครับ
2. เมื่อเรามีทักษะมากพอ เราสามารถทำบล็อกสอนถ่ายภาพควบคู่ไปได้ (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น) หรือแม้แต่การที่เราจะเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่ต้องการทำการตลาดอะไรแบบนั้นก็ได้ บางคนอาจจะเลือกที่จะขยับตัวเองเป็นนักรีวิวด้วยก็ได้ครับ อันนี้แล้วแต่แผนเหมือนกัน เพราะมันมีโอกาสเดินได้เยอะมาก
3. เราต้องพัฒนาตัวเองตลอดในสายงานนี้ เพราะการที่เราเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เราก็ต้องตอบโจทย์องค์กรให้ได้ มันคืองานประจำงานนึง
4. อันนี้เหมาะกับคนที่ชอบกล้องครับ ทำให้เรามีโอกาสพัฒนาตัวเองและได้เล่นอุปกรณ์ใหม่ ๆ แบบไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง
5. จริง ๆ มันก็มีเยอะครับสายงานนี้ ไม่ใช่แค่บริษัทขายกล้อง แต่เป็นพวกนิตยสารกล้องก็ได้ หรือบริษัทที่คอยทำการตลาดให้กับสินค้ากลุ่มนี้ก็มีงานให้เราเหมือนกันนะ

5. รับงานถ่ายภาพ

ตอนนี้หลายคนก็รับงานถ่ายภาพบ้าง ตามงานรับปริญญา งานแต่ง ซึ่งผมก็จะไม่โฟกัสอะไรมากเพราะเราคุ้นเคยกันอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าปัจจุบันก็มีการแข่งขันกันเยอะขึ้น คนถ่ายภาพกันเก่งมากขึ้น ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น อันนี้ต้องวางแผนกันดูว่าใครถนัดงานแบบไหน

กลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็นลูกค้าหรือจ้างงาน

ถ้าหากว่าเรารับงานถ่ายภาพอย่างเดียว โอกาสที่เข้ามาก็ขึ้นอยู่กับคนที่ชอบผลงานของเราครับ อันนี้แล้วแต่นะว่าใครชอบอะไรแบบไหน

โอกาสและอุปสรรคในการทำงานส่วนนี้

1. งานนี้ยังสร้างรายได้ดีนะ ขึ้นอยู่กับเนื้องานของเราและทักษะที่เรามี ซึ่งถ้าภาพเราตอบโจทย์ลูกค้าได้เยอะ โอกาสก็จะเข้ามาเยอะครับ
2. การแข่งขันในงานนี้ก็มีเหมือนกัน สำหรับคนที่ทำงานนี้เป็นหลักก็จะต้องพัฒนาตัวเองตลอดครับ ส่วนใครที่ทำเป็นงานอดิเรกอะไรแบบนั้นอาจจะเลือกงานตามความเหมาะสมของเราได้ ก็จะได้ความสบายใจมากกว่า
3. จริง ๆ สายงานนี้ก็มีเยอะครับ ขึ้นอยู่กับว่าสไตล์ภาพเรามีงานแบบไหน อย่างเพื่อนผมก็ยังถ่ายภาพให้นิตยสารด้วย ทำงานส่วนตัวไปด้วยได้นะ
4. ฝึกใช้สื่อออนไลน์ในการนำเสนอเนื้อหาและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายครับ เพราะช่วยให้เรามีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

6. ถ่ายภาพลงเว็บ Stock Photo ทั้งหลาย

เนื้อหาตรงนี้เอาจริง ๆ มีคนอธิบายแทนผมเยอะแล้วในเรื่องของการถ่ายภาพสต็อกครับ ซึ่งผมขอพูดคร่าว ๆ แล้วกันครับ กลุ่มเพื่อน ๆ ผมหลายคนทำเป็นงานอดิเรกซึ่งก็ขายได้เป็นระยะ ๆ นั่นก็อยู่ที่ความถนัดนะ คนที่ทำรายได้เยอะก็มีเหมือนกัน เป็นหนึ่งความฝันที่หลายคนอยากจะลองทำ ผมแนะนำเข้ากลุ่ม Facebook “shutterstock thai contributors” ครับ เพราะมีทั้งคนให้ไอเดีย กำลังใจ และแนวทางเพียบเลย ประเด็นนี้ผมไม่ลงลึกนะครับ เพราะมีคนพูดเยอะละ แนะนำเข้ากลุ่มไปดูได้เลยครับ ฮ่า ๆ

7. ซื้อ-ขาย กล้องอุปกรณ์มือสอง

อันนี้น้อง ๆ เพื่อน ๆ ผมทำอยู่ครับ เขาจะรับซื้อของมือสองแล้วมาปล่อยต่อ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์หรือว่าอุปกรณ์ เอาจริง ๆ มันก็เป็นรายได้ที่เรื่อย ๆ นะครับ ถ้าหากเรารู้ว่าตลาดมือสองเขากำลังเล่นอะไรกัน แล้วของแบบไหนสามารถที่จะซื้อมาถูก แล้วขายต่อกับคนที่ต้องการ ตรงนี้ผมก็ไม่ขอลงลึกเช่นกันครับ เพราะมันคือการซื้อมาขายไป เพียงแต่อยากแนะนำว่าถ้าจะทำตรงนี้ ควรจะเข้าใจตลาดกล้องอุปกรณ์มือสองด้วยครับ