พรีวิว Fujifilm X-T2 กล้องที่สร้างมาเพื่อสรรสร้างงานภาพที่สมบูรณ์เเบบ เด่นทั้งภาพนิ่ง เเละวีดิโอ
Fujifilm X-T2 เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของค่ายที่มาพร้อมกับตัวเซนเซอร์ X-Tran CMOS III ขนาด APS-C ให้ความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับหน่วยประมวลผลภาพ X-Processor Pro ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า นอกจากนี้ในส่วนของบอดี้ยังมีความแข็งแรงทนทานพร้อมที่จะนำไปใช้งานได้ทุกสถานการณ์ซึ่งเหมาะกับบรรดาช่างภาพมืออาชีพอย่างมาก แป้นควบคุมด้านหน้าและด้านหลังปรับได้สะดวก โดยแป้นด้านหลังสามารถกดลงไปเพื่อเลือกฟังก์ชั่นในการปรับตั้งได้ด้วย
คุณสมบัติเด่น Fujifilm X-T2
- เซนเซอร์ X-Tran CMOS III ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล
- หน่วยประมวลผลชั้นยอด X-Processor Pro
- จอย Joystick เลือกตำแหน่งออโต้โฟกัส
- ช่องมองภาพอัตโนมัติ OLED EVF ความละเอียด 2.36 ล้านจุด
- หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.04 ล้านจุด
- บันทึกวีดิโอ 4K UHD ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีในช่วง 10 นาที
- ถ่ายต่อเนื่อง 8 เฟรมต่อวินาทีด้วยระบบออโต้โฟกัส
- ถ่ายต่อเนื่อง 5 เฟรมต่อวินาทีด้วยโหมด Live View
- ถ่ายต่อเนื่อง 14 เฟรมต่อวินาทีด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
- ช่องใส่การ์ด Dual SD
- USB 3.0
เซ็นเซอร์ใหม่ X-Tran CMOS III ขนาด APS-C ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล
ส่วนสำคัญของกล้องรุ่นนี้ก็คือเซ็นเซอร์ใหม่ X-Tran CMOS III ขนาด APS-C ที่มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมจุดโฟกัสของระบบเฟสดีเทคชั่น (Phase Detection) เพื่อตรวจจับความเปรียบต่างของแสงระหว่างแสงที่ไปเมื่อต้องการถ่ายภาพในสภาพที่แสงน้อย 169 จุดซึ่งคุณจะพบเห็นระบบเซนเซอร์แบบนี้ได้ในกล้องรุ่น X-Pro2 แต่มีอยู่ในรุ่น X-T2
ยิ่งไปกว่านี้สำหรับกล้อง Fujifilm X-T2 ยังเพิ่ม 2 แนวพิเศษเพื่อใช้เซนเซอร์กล้องตรวจจับความแตกต่างจากแสงในภาพ เรียกว่า Contrast Detection ถึง 13 จุดในแต่ละด้านของเฟรม พร้อมกับความกว้างของพื้นที่ AF
จุดโฟกัส 325 จุด
สำหรับฟูจิฟิล์มยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของหน่วยประมวลผล ระบบต่าง ๆ รวมไปถึงการที่เซ็นเซอร์มีการอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในเรื่องของความเร็วกล้อง หากพิจารณาในการใช้แบบผสมผสานระหว่าง Phase Detection กับ Contrast Detection (โหมด Hybrid AF) การทำงานถือว่าดีเยี่ยมด้วยระบบ AF ที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยงานนี้ Fujifilm X-T2 ยังได้มีการแนะนำการใช้แบบพื้นฐานด้วยการตั้งค่าระบบ AF-C ซึ่งสิ่งนี้เราคงเคยเห็นกับกล้องระดับไฮเอนด์อย่าง Canon DSLR ฉะนั้นมันจะทำให้คุณสามารถจับภาพเคลื่อนไหวได้อย่างที่คุณคาดหวัง
ความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า ด้วย X-Processor Pro
X-T2 เปลี่ยนหน่วยประมวลผลมาเป็น X-Processor Pro ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า และด้วยการเพิ่มหน่วยความจำภายในและเพิ่มกำลังของวงจร ทำให้กล้องสามารถประมวลผลภาพได้เร็ว ให้ภาพที่มีคุณภาพสูง รวมทั้งยังมีการตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้น ลดเวลาการทำงานในระหว่างช็อตต่อช็อตลง ลด Time – Lag ของชัตเตอร์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ AF Tracking ได้สูงกว่าเดิมมาก แสดงภาพ Live View ได้เร็วขึ้นทำให้กล้องมีเวลาในการประมวลผลจากภาพ Live View มากขึ้น
การบันทึกวีดิโอ
Fujifilm X-T2 ยังมีการพัฒนาในเรื่องการบันทึกวีดิโอมากกว่าที่คุณคาดคิดเอาไว้ โดยสามารถบันทึกวีดิโอ 4K แต่ยังมีการพัฒนาขึ้นไปอีก พร้อมกับช่องสำหรับเสียบไมค์ และหน้าจอออดิโอที่สามารถกำหนดเสียงไมค์ด้วยปุ่ม Fn และยังมีฟังก์ชั่น F-Log ที่จะช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นจึงสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีทั้งส่วนสว่างและส่วนมืด
การบันทึกภาพแบบ 4K พร้อมกับความละเอียดสูงกว่า 1080p
นอกจากนี้กล้องรุ่นนี้ยังเป็นกล้องมิเรอร์เลสส์รุ่นแรกจากค่ายฟูจิฟิล์ม ที่มีการพัฒนาในเรื่องการบันทึกภาพแบบ 4K พร้อมกับความละเอียดสูงกว่า 1080p พร้อมคุณภาพระดับ 4K (30p,25p,24p) โดยมีปริมาณของข้อมูลที่ส่งในหนึ่งหน่วยเวลา (bit rate) ที่ให้ความไวสูงถึง 100 Mbps ให้รายละเอียดเยี่ยมยอด โดยแทบไม่มีมอเร่ (moire)
ฟูจิฟิล์ม ยังระบุว่ามีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 1.8 เท่าซึ่งมากกว่าสำหรับพื้นที่ในการบันทึกแบบ 4K UHD ขณะเดียวกันก็ยังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ในตัว แต่ถ้าต้องการคุณภาพสูงยังสามารถ ต่อกับเครื่องบันทึกภายนอกผ่านพอร์ต HDMI ในฟอร์แมต 4:2:2 ไร้การบีบอัดให้คุณภาพสูงทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับ Film Simulation ต่างๆ ได้ ทำให้สามารถสร้างสรรค์งานให้ได้โทนสีตามต้องการ
ควบคุมการบันทึกวีดิโอแบบออโต้โฟกัส เลือกโฟกัสไปที่เป้าหมายที่ต้องการได้
สำหรับการโฟกัสวีดิโอในกล้องรุ่นนี้มีการควบคุมการบันทึกวีดิโอแบบออโต้โฟกัส พร้อมกับทำให้คุณเปลี่ยนแปลงสิ่งสำคัญที่คุณสามารถเลือกได้ด้วยการใช้โหมด “Multi” และโหมด “Single” ซึ่งคุณจะโฟกัสไปที่เป้าหมายที่ต้องการเป็นพิเศษ สำหรับเป้าหมายนี้อาจจะเคลื่อนไหวในขณะที่คุณบันทึกภาพ และกล้องก็จะทำการปรับโฟกัสใหม่ให้เข้ากับเป้าหมาย ในส่วนของระบบ AF-L เพื่อหยุดกล้องในการปรับโฟกัสใหม่เมื่อคุณไม่ต้องการ
บอดี้ และการควบคุม
สำหรับตัวบอดี้ของ Fujifilm X-T2 มีความคล้ายคลึงกับรุ่น X-T1โดยยังคงสไตล์กล้อง SLR ยุค 80 และมีปุ่มควบคุมโดยตรงในส่วนของ Shutter Speed, ระบบความไวแสง ISO และการปรับค่าชดเชยการเปิดรับแสง รวมไปถึงแป้นคำสั่ง ที่อยู่ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
โครงสร้างผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย ป้องกันฝุ่นละอองนํ้า ใช้งานได้ทุกสภาพอากาศ
โครงสร้างภายนอกทั้งตัวที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย มีการซีลรอบตัวกล้องถึง 63 จุด เพื่อป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า จึงใช้งานได้ทุกสภาพอากาศ ขณะที่ตัวกริปมีความลึก และยังมีส่วนของจอยสติ๊ก (Joystick) ที่อยู่ด้านหลังของกล้อม และยังมีช่องสำหรับเสียบสายรีโมท
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ( EVF) เห็นภาพชัดเจน รายละเอียดสูง ขนาดภาพใหญ่ โดยมีความละเอียดสูงถึง 2.36 ล้านจุด
สำหรับช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ( EVF) ทำให้คุณสามารถมองภาพได้สบายตา เห็นภาพชัดเจน รายละเอียดสูง ขนาดภาพใหญ่ โดยมีความละเอียดสูงถึง 2.36 ล้านจุด มีอัตราขยายถึง 0.77x มุมมองภาพแนวนอน 31 องศา ถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ
สำหรับช่องมองภาพจะมีความเหมือนกับตัวรุ่น X-T1 โดยในรุ่น X-T2 จะให้ความรวดเร็วมากกว่า มีการตอบสนองที่มากขึ้นแบบฉับไวโดยสามารถถ่ายได้ 60 เฟรมต่อวินาที (มากกว่า รุ่น X-T1 ที่ทำได้ 55 เฟรมต่อวินาที) และยังเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 100 เฟรมต่อวินาทีจากการใช้โหมด “Performance Boost”
โหมด “Performance Boost” ภาพเคลื่อนไหวราบเรียบนุ่มนวล ไม่กระตุก
แน่นอนว่าในการทำแบบนี้ได้ต้องใช้ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) และหากมีการปรับมาใช้โหมด “Performance Boost” จะทำให้การแสดงภาพเคลื่อนไหวราบเรียบนุ่มนวล ไม่กระตุก และด้วยการลดช่วงเวลาที่หายไปของภาพในช่องมอง (Blackout Time) ลงกว่ารุ่นเดิมเกือบ 3 เท่าตัว ทำให้กล้องแสดงภาพในช่องมองได้ต่อเนื่องกว่า การเคลื่อนกล้องติดตามภาพทำได้ง่ายกว่า เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็ว 8 เฟรมต่อวินาที หรือ 11 เฟรมต่อวินาที
ขณะที่ในส่วนของ Shutter Speed และความไวแสง ISO อยู่ด้านบนตัวกล้อง มีการเปลี่ยนจากปุ่มล็อคแบบเก่าที่ต้องกดแช่ค้างไว้พร้อมๆกับหมุนปรับค่าชัตเตอร์หรือ ISO เป็นแบบกดยุบเพื่อล็อค กดอีกทีเด้งขึ้นมาปลดล็อค ทำให้ใช้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท นอกจากนี้ยังมีการปรับค่าชดเชยการเปิดรับแสงในตำแหน่ง “C” ซึ่งสามารถควบคุมได้แบบไม่ต้องใช้มือในการปรับค่าชดเชยการเปิดรับแสง นอกจากนี้ระบบชดเชยแสงที่ปรับได้ตั้งแต่ ±3EV ไปจนถึง ±5EV
ระบบออโต้โฟกัส รวดเร็ว แม่นยำสูง
ในส่วนของระบบออโต้โฟกัสไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกล้องในตระกูล X Series โดยมีหลายระบบที่สามารถใช้ได้สำหรับรุ่น X-T2 ได้แก่ Face/Eye Detection กล้องสามารถใช้ระบบ Face Detection ในขณะที่ตรวจจับความแตกต่างจากแสงในภาพ Contrast Detection โดยระบบ AF จะทำการวิเคราะห์ภาพเพื่อเลือกจุดโฟกัสที่จะใช้ และจากนั้นก็จะใช้การตรวจจับความเปรียบต่างของแสงระหว่างแสง Phase Detection ในจุดโฟกัสที่ต้องการ
หมายความว่าคุณจะได้การโฟกัสที่แม่นยำในระดับสูง แต่ด้วยการลดความเร็ว (โดยเฉพาะในสภาวะที่มีแสงน้อย) จะทำให้เลนส์มีการโฟกัสช้า โดยเฉพาะในช่วงที่ไล่ตามวัตถุที่ต้องการ อย่างไรก็ตามระบบจะทำงานได้ดีในสภาพวะที่มีแสงเยอะ ขณะที่ตัว Eye Detection จะเป็นการใช้ประโยชน์เสริมเมื่อต้องใช้กับงานที่มีความเร็วสูง
AF-C โฟกัสสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกล้องรุ่น X-T2มีความสามารถในการปรับหมุนการทำงานของระบบออโต้โฟกัสได้ดีเยี่ยม โดยคุณสมารถเลือกรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวให้เหมาะกับการทำงานของระบบโฟกัสติดตามวัตถุเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด โดยจะมีการปรับตั้งสำเร็จรูปจากกล้องมาให้เลือกใช้ 5 Set และปรับตั้งเองได้ใน Set 6 Custom ในส่วนของ AF-C มีให้เลือก 3 ระดับ ได้แก่
- Tracking Sensitivity จะเป็นการสั่งการให้ระบบโฟกัสตอบสนองกับวัตถุใหม่ที่เข้ามาอยู่ในจุดโฟกัสเร็วหรือช้า โดยสามารถตั้งได้ 5 ระดับ จาก 0-4 ที่ตำแหน่ง 0 กล้องจะเปลี่ยนการโฟกัสไปที่วัตถุใหม่ทันที ที่สำคัญคุณต้องเลือกระบบให้เหมาะกับรูปแบบของภาพที่ถ่าย การเลือกผิดพลาดอาจทำให้กล้องโฟกัสผิดตำแหน่งได้
- Speed Tracking Sensitivity เป็นการบอกว่ากล้องจะมีการคาดเดาการเคลื่อนไหวของวัตถุว่าจะเป็นแบบไหน ซึ่งนั่นหมายความว่ากล้องจะปรับรูปแบบการโฟกัสติดตามวัตถุของกล้องให้เหมาะสมกับความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุหากวัตถุมีความเร็วในการเคลื่อนที่คงที่ควรปรับที่ตำแหน่ง 0 แต่ถ้าวัตถุมีการเปลี่ยนความเร็วอยู่เรื่อยๆ ควรปรับที่ 2 เพื่อให้ระบบโฟกัสคาคะเนโฟกัสล่วงหน้าได้แม่นยำขึ้น
- Zone Area Switching คุณต้องเลือกระบบโฟกัสไปเป็นแบบ Zone AF จากนั้นก็เลือกระบบย่อยเป็น Center เพื่อให้กล้องเน้นการโฟกัสที่ตำแหน่งกลางของโซนเป็นหลัก ตามด้วย Auto กล้องจะตามวัตถุแรกที่คุณโฟกัสด้วยจุดโฟกัสภายในโซนนั้น และ Front เพื่อให้ระบบโฟกัสเลือกการโฟกัสที่ส่วนหน้าสุดภายในโซนเมื่อวัตถุหลักเคลื่อนออกไปนอกพื้นที่โฟกัส
หน้าจอ LCD ปรับได้ 3 ทิศทาง
Fujifilm X-T2 มีหน้าจอ LCE ที่สามารถปรับได้ 3 ทิศทาง โดยปรับขึ้นลงเมื่อต้องการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ และปรับไปด้านบนเมื่อต้องการถ่ายภาพคน นอกจากนี้เลนส์ยังสามารถปรับได้ง่ายเวลาที่ถ่ายภาพในมุมสูง และมุมต่ำ พร้อมความกว้างหน้าจอ 3 นิ้วพร้อมกับเคลือบกระจกนิรภัย ให้ความละเอียด 1.04 ล้านจุด
สำหรับ แบตเตอรี่ ในรุ่น X-T2 สามารถรองรับการชาร์จด้วย USB และรวมทั้งการชาร์จจากภายนอกทำให้ง่าย ซึ่งมั่นใจได้เลยว่ากล้องพร้อมที่จะออกไปใช้งานได้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการ นอกจากนี้แบตฯ ยังสามารถใช้งานในการถ่ายได้ 340 ภาพ
Dual SD slot
ช่องใส่การ์ด Dual SD สามารถใส่การ์ด SD ได้ 2 การ์ดเพื่อจะได้มีอัตราในการเก็บข้อมูลได้สูงขึ้น โดยทั้งช่อง Slot 1 และ Slot 2 ยังสามารถใช้งานร่วมกับ UHS-II เพื่อจะได้เพิ่มความเร็วในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยคุณยังสามารถใช้ทั้งสองช่องเพื่อบันทึกได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกด้วยไฟล์ RAW ใน Slot 1 และไฟล์ JPEG ใน Slot 2 หรือจะกำหนดหนึ่งใน Slot ใช้สำหรับเก็บวีดิโอก็ได้
ภาพตัวอย่างจากกล้อง Fujifilm X-T2
บทความเกี่ยวกับการตั้งค่ากล้องสำหรับมือใหม่
- การตั้งค่ากล้อง สำหรับมือใหม่ เริ่มพื้นฐานจากศูนย์กันเลย ใครก็ทำได้
- รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ ระบบโฟกัส โหมดโฟกัส วิธีโฟกัส ตั้งแต่ต้นจนจบ
- โหมด P A S M ต่างกันยังไง ควรใช้โหมดไหนถ่ายภาพ
- 7 เหตุผลสำหรับมือใหม่ ทำไมต้องใช้โหมด M
- 7 วิธีลัดสำหรับมือใหม่ ถ่ายภาพโหมด M ด้วยตัวเอง
- โหมดวัดแสง การวัดแสง และ ระบบวัดแสง ฉบับมือใหม่เข้าใจง่าย เลือกใช้ได้ไม่พลาด
- EXPOSURE TRIANGLE พื้นฐานการตั้งค่า APERTURE, SHUTTER SPEED, ISO รู้เรื่องนี้ ถ่ายโหมด M ได้แน่นอน!