Site icon เว็บสอนถ่ายภาพ สอนถ่ายวิดีโอ และผลิตคอนเทนต์ ที่เข้าใจมือใหม่มากที่สุด

8-bit vs 16-bit อธิบายความต่างระหว่าง Bit Depth ทั้ง 2 แบบให้เข้าใจง่าย ๆ

ธรรมชาติที่เราเข้าใจกันคือบิตสีที่ยิ่งมากก็ยิ่งดีกว่า ซึ่งนั่นก็จริงครับ แต่ถ้าหากเราต้องการจะเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบิตสีทั้งสองแบบว่ามันแตกต่างกันมากแค่ไหนบทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Bit Depth ทั้ง 8-bit และ 16-bit

source : https://petapixel.com/

ถ้าหากเราถ่ายภาพ JPG จะทำให้เราจำกัดความลึกของสีอยู่ที่ 8-bit เท่านั้น ซึ่งจะทำให้เราเล่นสีได้อยู่แค่ 256 ระดับ แต่ถ้าหากเราตั้งค่า RAW เราสามารถเลือกความลึกสีได้ 12 – 16 bit นั่นหมายความว่าจะทำให้เรามีโทนสีที่เล่นได้ถึง 65,536 ระดับ ทำให้เราสามารถปรับแต่งโทนและลากรายละเอียดตามต้องการได้ยิ่งขึ้น

เพื่อช่วยให้เข้าใจความแตกต่างระหว่างภาพ 8-bit และ 16-bit ให้เปรียบเทียบสี 8-bit กับอาคารสูง 256 ฟุต แต่พอเป็นภาพ 16-bit จะได้ความสูงของตึกถึง 12 ไมล์ หรือ 24

เปรียบเทียบต่อเอาให้สุดในกันไปเลย ในแง่ของสีภาพ 8-bit จะสามารถเก็บภาพได้ 16 ล้านสี นั่นก็ว่าเยอะแล้วนะ แต่ถ้าสีแบบ 16-bit จะได้สีในภาพกว่า 28,000,000,000 ล้านสี (สองหมื่นแปดพันล้านสี)

source : https://petapixel.com/

อีกอย่างคือใครอยากลักไก่แบบขำ ๆ จะแปลงไฟล์ภาพ 8-bit ไปเป็น 16-bit ด้วย Photoshop ขอบอกว่าเหมือนจะได้ แต่ผลลัพธ์คือไม่ได้ช่วยอะไร การทำแบบนั้นคือจะทำให้เรามีไฟล์ภาพ 8-bit แต่พื้นที่การเก็บข้อมูลเป็น 16-bit เฉย ๆ แค่นั้นเอง เพราะไฟล์ที่นำเข้ามาแปลงใน 16-bit ต้นทางข้อมูลมาแค่ 8-bit เหมือนเดิมครับ

source : https://petapixel.com/

ถ้าในเชิงพาณิชย์หรือการลงทุนการเก็บภาพที่ Bit Depth เยอะขึ้น ก็จะมาพร้อมกับต้นทุนที่มากขึ้น พวก Storage ที่มากขึ้น อุปกรณ์ในการประมวลผลมากขึ้น พวกเครื่องคอมต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะได้ไฟล์ที่ดีขึ้นแล้วก็ควรคำนวณด้วยว่าสิ่งเหล่านี้มันเหมาะสมกับงานแค่ไหน เพื่อจัด Workflow การทำงานที่เหมาะสมกับเราที่สุดครับ

Exit mobile version