Site icon เว็บสอนถ่ายภาพ สอนถ่ายวิดีโอ และผลิตคอนเทนต์ ที่เข้าใจมือใหม่มากที่สุด

7 เหตุผลที่ควรใช้ Saramonic Blink 500 Pro ในงานวิดีโอ

สำหรับการถ่ายวีดิโอร่วมกับ Saramonic Blink 500 Pro ถือว่าเป็นไมค์ที่ลงตัวอย่างมาก เพราะศักยภาพของไมโครโฟนรุ่นนี้มีการพัฒนาขึ้นจากรุ่น Blink 500 ทั้งในเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นาน และยังสามารถชาร์จได้กับตัว “เคส” การส่งสัญญาณได้ไกลยิ่งขึ้นถึง 100 เมตร

รวมไปถึงรูปแบบการดีไซน์ที่มีขนาดเล็กและเบาในเรื่องของเสียงยังให้ความชัดเจนและเก็บรายละเอียดของเสียงได้รอบทิศทางเนื่องจากไมค์Built-in เป็นแบบคอนเดนเซอร์ที่ไวต่อการรับเสียง และระบบตัดเสียงรบกวนเพื่อทำให้การบันทึกวีดิโอได้คุณภาพเสียงเเบบที่ต้องการ

1. ไมโครโฟนแบบ Built-in รับสัญญาณเสียงได้รอบทิศทาง

การบันทึกวีดิโอสิ่งสำคัญนอกจากภาพที่คมชัดแล้วเสียงที่ออกมาต้องมีความชัดเจนด้วยเช่นกัน โดย Saramonic Blink 500 Pro มาพร้อมกับไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ขนาดเล็กที่อยู่ในตัวเครื่องส่ง ซึ่งสามารถบันทึกเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเก็บสัญญาณเสียงได้รอบทิศทาง มีคุณภาพการรับเสียงที่ละเอียด

เก็บเสียงได้ครอบคลุมทุกย่านความถี่ ทำให้เวลาถ่ายวีดิโอเพื่อสัมภาษณ์หรือการสนทนาในเรื่องต่างๆ เสียงที่ได้มีความชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถนำไมโครโฟนภายนอกอย่างไมค์ Lavalier มาใช้งานได้ด้วยเช่นกันซึ่งจะเป็นการช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดจากเสียงลมหายใจและลมเพื่อให้คุณภาพเสียงเวลาพูดดียิ่งขึ้น

2. รับสัญญาณไกลขึ้นกว่ารุ่นเดิมทำให้การถ่ายวีดิโอเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Saramonic Blink 500 Pro มีการพัฒนาในเรื่องของศักยภาพการใช้งานมากว่ารุ่น Blink 500 เพราะรุ่นเดิมรับสัญญาณได้ในระยะ 50 เมตร แต่รุ่นใหม่สามารถรับสัญญาณได้ไกลถึง 100 เมตรในสถานที่โล่งแจ้ง ซึ่งเมื่อนำไปใช้ในการบันทึกวีดิโอจะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น เช่นการถ่ายพวกงานนิทรรศการ หรืองานแสดงสินค้าต่างๆ การที่ไมค์สามารถรับสัญญาณเสียงได้ไกล จะทำให้เสียงที่เข้าไปในวีดิโอมีความชัดเจน

ในขณะเดียวกันไมค์ไร้สายรุ่นนี้ใช้คลื่นสัญญาณดิจิตอล 2.4GHz ซึ่งอาจจะเจอผลกระทบอยู่บ้างหากนำไปใช้ในสถานที่ปิดอย่างฮอลล์ หรือห้างสรรพสินค้า แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะแค่ปิดเครื่องและเปิดใหม่ ไมค์จะทำการค้นหาสัญญาณแบบอัตโนมัติทำให้เสียงที่ได้ไม่เกิดสะดุดหรือขาดหาย ช่วยให้การบันทึกวีดิโอมีความสมบูรณ์แบบ

3. รูปแบบการดีไซน์ที่เล็กสวยงามกว่ารุ่นเก่าเหมาะที่จะใช้โชว์เวลาบันทึกวีดิโอ

ไมโครโฟนสมัยใหม่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แล้วมีความโดดเด่นน่าสนใจ ไม่ใช่แค่การให้เสียงที่คมชัดเท่านั้นแต่รูปแบบก็ต้องสวยเพื่อเป็นการเพิ่มจุดเด่นให้กับการใช้งาน โดย Saramonic Blink 500 Pro เป็นไมค์ไร้สายที่มีการดีไซน์และออกเเบบมาเป็นพิเศษมีความสวยงาม รูปทรงเล็กกะทัดรัดไม่ใหญ่เท่ากับรุ่น Blink 500 ส่วนน้ำหนักก็เบาโดยแต่ละตัวน้ำหนักแค่ 32 กรัมเท่านั้น ที่สำคัญยังมีคลิปหนีบแบบพิเศษ เพื่อใช้ยึดกับเสื้อผ้าหรือเข็มขัดได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเลือกที่จะซ่อนหรือโชว์ไมค์ก็ได้เพราะไมค์ออกเเบบมาเพื่อให้โชว์นอกเสื้อผ้าได้สวยด้วยเช่นกัน

4. ปรับโหมดเสียงได้ทั้งแบบ Stereo และ Mono พร้อมระบบลดเสียงรบกวนในตัว

Saramonic Blink 500 Pro ตอบโจทย์สำหรับสายวีดิโอได้อย่างลงตัวโดยสามารถปรับเสียงได้ทั้งแบบ Stereo และ Mono ทั้งในรุ่น B1 (ตัวรับ 1 ตัวส่ง 1) และ B2 (ตัวรับ 1 ตัวส่ง 2 ตัว) อย่างไรในกรณีที่ให้สัมภาษณ์หรือทำการพูดคุยบางครั้ง “ตัวส่ง” 2 ตัวซ้าย-ขวาที่ใช้ติดกับพิธีกรกับแขกรับเชิญอาจมีเสียงดังเบาไม่เท่ากัน ก็สามารถปรับระดับเสียงของไมค์ทั้งสองตัวให้เท่ากันได้เพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพและชัดเจน ปรับโหมดเสียงได้ทั้งแบบ Stereo และ Mono ได้อีกด้วย

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำงานนอกสถานที่ ถ่ายงานวิดีโอ Videographers, vloggers, YouTuber นักข่าว หรืองานที่ต้องมีการสัมภาษณ์ เหมาะอย่างยิ่งกับไมค์รุ่นนี้ นอกจากนี้ไมโครโฟนยังมีระบบลดเสียงรบกวนเพื่อให้การถ่ายวีดิโอไม่มีเสียงแทรกที่ไม่ต้องการเข้ามา

5. กล่องใส่ไมค์ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ รองรับการทำงานนนอกสถานที่ได้อย่างลงตัว

สำหรับการถ่ายวีดิโอ หรือการทำงานที่เกี่ยวกับสื่อโซเชียล การต้องออกไปนอกสถานที่เป็นสิ่งสำคัญมากๆ และการมีอุปกรณ์ที่สมบูรณ์ยิ่งทำให้การถ่ายงานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดย Saramonic Blink 500 Pro มาพร้อมกับ “เคส” หรือกล่องใส่ไมค์ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้

โดย “เคส” รุ่นนี้สามารถใช้ในการชาร์จแบตไมค์ได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อการชาร์จแบตตัว “เคส” ฉะนั้นเมื่อต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จแบตในตัวไมค์ เพราะสามารถนำไมค์ทั้ง3 ตัว (รุ่น B1มี 2 ตัว) นำมาวางใน “เคส” และชาร์จแบตได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กไฟ ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน และทำให้การถ่ายวีดิโอมีความคล่องตัวด้วย ที่สำคัญแบตเตอรี่ของไมโครโฟนใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมงติดต่อกันเลยทีเดียว

6. รองรับการทำงานทั้งกับกล้อง และสมาร์ทโฟน

ในยุคปัจจุบันการถ่ายวีดิโอสามารถทำได้ทั้งใช้กล้องทั้งแบบ Mirrorless และ DSLR รวมไปถึงสมาร์ทโฟนในแต่ละรุ่น โดย Saramonic Blink 500 Pro สามารถนำมาใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างลงตัวโดยหากนำไปใช้กับกล้องเพียงแค่ต่อเข้ากับส่วนของ Hot shoe ด้านบนของกล้องพร้อมกับช่อง output เพื่อเท่านี้ก็ต่อสัญญาณเข้ากับตัวกล้องได้เรียบร้อย

ในขณะเดียวกันก็ยังรองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนโดยใช้วิธีการยึดติดกับส่วนของตัวจับมือถือ และต่อสัญญาณ output เพียงแค่นี้ก็ใช้งานได้ทันที ถือเป็นไมค์ที่ติดตั้งได้ง่าย และสะดวกเวลานำไปใช้งาน ทั้งหมดนี้ทำให้คุณสามารถบันทึกวีดิโอได้ในทุกๆ รูปแบบ และเสียงที่ได้ก็คมชัดน่าประทับใจด้วยเช่นกัน

7. สามารถเช็คเสียงได้แบบเรียบไทม์ในกรณีที่กล้องที่ใช้งานไม่สามารถเช็คเสียงได้

ปกติแล้วกล้องส่วนใหญ่จะมีช่องสำหรับเสียบหูฟังเพื่อให้คุณสามารถเช็คเสียงได้ในขณะบันทึกวีดิโอ แต่ก็มีกล้องบางรุ่นที่ไม่มีช่องดังกล่าว โดย Saramonic Blink 500 Pro เล็งเห็นปัญหาตรงจุดนี้จึงได้ทำช่องเสียบหูฟังเอาไว้กับ “ตัวรับ” สัญญาณ เพื่อให้คุณเสียง Headphone Monito เพื่อที่จะได้มอนิเตอร์เสียงแบบเรียลไทม์ทำให้สามารถเช็คเสียงได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแบบ OLED ที่ให้ความสว่างชัดเจนทำให้มองเห็นสัญลักษณ์บนตัวไมค์ทั้งหมด เพื่อให้การทำงานมีความถูกต้องที่สุด นอกจากนี้ “ตัวส่ง” สัญญาณ ยังสามารถปิดความสว่างของหน้าจอได้ในขณะสัมภาษณ์เพื่อไม่เป็นการรบกวนพิธีการและแขกรับเชิญ แต่ “ตัวรับ” สัญญาณ ยังคงมองเห็นสถานะต่างๆ ของ “ตัวส่ง” ได้โดยเฉพาะค่าแบตเตอรี่ เพื่อจะได้คำนวนได้ถูกต้องว่าแบตสามารถอยู่ได้นานมากแค่ไหน

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย THE DIGITAL STM พร้อมศูนย์ให้บริการในประเทศไทย สามารถสั่งซื้อได้กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์การถ่ายภาพได้ที่ PHOTOSCHOOLTHAILAND

กฏ เคล็ดลับ เเละ เทคนิคการถ่ายภาพในรูปแบบต่าง ๆ

Exit mobile version